สุพัฒนพงษ์ ลั่นรัฐเตรียมงบ 4 แสนล.กระตุ้นเศรษฐกิจมั่นใจปี 64 จีดีพีเป็นบวก

10 ก.ย. 2564 | 10:04 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2564 | 17:03 น.

สุพัฒนพงษ์ เผยรัฐบาลเตรียมงบ 4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก. กู้เดิมกระตุ้นเศรษฐกิจ มั่นใจทั้งปี 64 จีดีพีเป็นบวก ยอมรับยังขาดรายได้หลักจากท่องเที่ยว

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผ่านนการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ เศรษฐกิจไทยใครชี้ชะตา ในงาน TNN Virtual Seminar ว่า รัฐบาลได้เตรียมเงินงบประมาณ 4 แสนล้านจาก พ.ร.ก.เงินกู้เดิม เพื่อสนับสนุนมาตรการทางด้านเศรษฐกิจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปผ่านมาตรการต่างๆ  
สำหรับเศรษฐกิจไทยหลังมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา จะมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การจัดหาวัคซีนเพื่อฉีดให้คนไทยที่รัฐบาลวางไว้ที่จะครบ 50 ล้านคนในเดือนตุลาคมนี้ และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงสิ้นปี ประกอบกับการส่งออก การลงทุน ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะโตเป็นบวกได้แต่อาจไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปีว่าจะเติบโต 3-4% เนื่องจากไทยยังต้องเผชิญหลุมดำรายได้ที่ขาดไปจากการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า โควิด-19 (Covid-19) ได้รับผลกระทบทั่วโลก ไทยเองก็เผชิญมาตั้งแต่ปี 2563 เป็นเวลา 18 เดือนที่ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันมา แต่วันนี้ต่างจากเมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 63 ที่ไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด แม้จะไม่ได้ลดการติดเชื้อมากแต่ลดการสูญเสียได้ชัดเจน หากยังรักษาระดับการติดเชื้อไม่ให้เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3-4 ยังน่าจะโตได้ต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้ที่ชี้ชะตาเศรษฐกิจไทยไม่ใช่รัฐ เอกชน ประชาชน แต่เป็นทุกคน แต่ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีด้วยความร่วมมือของทุกคนเหมือนเช่นวิกฤตที่ผ่านๆ มา

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อไปอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อ 1 กันยายนนั้น พบว่าการอุปโภคบริโภคภายในประเทศของประชาชนดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงมีไว้ที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคต่อเนื่อง เช่น คนละครึ่ง  เราเที่ยวด้วยกัน หลังสถานการณ์ผ่อนคลายก็เชื่อว่าจะนำกลับมาใช้ได้มากขึ้น 
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการที่ไทยมีวัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชนเพิ่มขึ้นแล้ว หากพิจารณาสัญญาณการลงทุนที่มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 6 เดือนแรกปี 2564 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 386,200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 158% หากประคับประคองที่เหลือให้ดีการขอรับส่งเสริมฯ อาจจะสูงถึงระดับ 600,000 ล้านบาทได้ ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่อาจสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับภาคการส่งออกของไทยที่ปีนี้ภาพรวมจะมีโอกาสส่งออกขยายตัวมากกว่า 10%

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องรอคอยคือรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการที่มีสัดส่วนสำคัญต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ไทยอาจจะขาดแคลนหรือเป็นหลุมดำของรายได้ที่หายไป เพราะส่วนหนึ่งต้องพึ่งพิงการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาจับจ่ายซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งที่โลกจะกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ไทยเองไม่ได้ย่อท้อ ได้มุ่งเน้นการค่อยๆ เปิดประเทศโดยนำร่องจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อ 1 กกรกฎาคม เพื่อเร่งเติมเต็มหลุมดำ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตกว่า 1 หมื่นคน มียอดจองห้องพักกว่า 5 แสนห้อง ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการดูแลด้านสาธารณสุขเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และพร้อมต่อการเปิดประเทศเต็มรูปแบบฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้ต่อไป