ซีพีเอฟ 6 เดือนแรก ฟันกำไรสุทธิกว่า 1.16 หมื่นล้าน

13 ส.ค. 2564 | 18:51 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2564 | 02:21 น.

ซีพีเอฟกำไร 6 เดือนแรกปีนี้ 11,683 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง กิจการทั้งในและต่างประเทศแข่งกันโต เตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.40 บาทต่อหุ้น 10 ก.ย.นี้ ยันทุ่มเทกำกับการดำเนินงานอย่างเข้มงวด พร้อมดูแลสังคมรอบด้าน

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานกำไรสุทธิรอบ 6 เดือน ปี 2564 จำนวน 11,683 ล้านบาท ลดลง 4 % จากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยคณะกรรมการบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะจ่ายในวันที่ 10 กันยายนนี้

 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ว่า รายได้จากการขายมีจำนวน 248,984 ล้านบาท ลดลง 12% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของบริษัท Chia Tai Investment Co., Ltd. (CTI) ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ทำให้บริษัทไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายของ CTI ในปี 2564 ทั้งนี้ หากไม่นับผลกระทบจากรายการดังกล่าว รายได้จากการขาย 6 เดือนแรก ปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% และมี EBITDA เพิ่มขึ้น 10%

 

ซีพีเอฟ 6 เดือนแรก ฟันกำไรสุทธิกว่า 1.16 หมื่นล้าน

 

กิจการในประเทศไทยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 8% และกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้น 14% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและราคาสินค้าในหลายประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อนหน้า อาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ รัสเซีย เป็นต้น บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลการดำเนินงานด้วยการยกระดับมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยในสถานประกอบการในระดับสูงสุด พร้อมไปกับการดูแลพนักงาน  รวมถึงการจัดหาสถานที่พัก ดูแลความเป็นอยู่และการเดินทางเพื่อลดการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง การสร้างความมั่นใจให้พนักงานด้วยนโยบายไม่เลิกจ้าง การจัดหาวัคซีน การสร้างโรงพยาบาลสนาม เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศชาติท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19

 

ซีพีเอฟ 6 เดือนแรก ฟันกำไรสุทธิกว่า 1.16 หมื่นล้าน

 

ในส่วนการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือให้กับสังคมในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น ซีพีเอฟได้ดำเนิน โครงการ "CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19"  มาตลอดระยะเวลามากกว่า 1 ปี ที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤติโควิด-19  โดยมอบอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อบุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ มากกว่า 500 แห่ง

 

ล่าสุด ได้ร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์และพันธมิตร ดำเนินโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”  เพื่อมอบอาหารสำเร็จรูปของบริษัทและอาหารจากผู้ประกอบการรายย่อย รวม 2 ล้านแพ็ค แจกจ่ายแบ่งปันให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ บรรเทาความเดือดร้อนในสถานการณ์นี้ และซีพีเอฟจะยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือประชาชนและสังคม เคียงข้างคนไทยเป็น ‘ทีมประเทศไทย’ ก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

 

นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ปีนี้ ซีพีเอฟได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good Emerging Index จากฟุซซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5  ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสหกรรมและอาหารของโลก ที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมรอบด้านเพื่อสร้างคุณค่าร่วมในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการส่งเสริมการบริหารองค์กรตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามวิสัยทัศน์การเป็น "ครัวของโลกที่ยั่งยืน"