เล็งดูดทุนนอกปักหลักผลิตแบตเตอรี่ได้ 2-3 บ. หนุนไทย ฮับ การผลิต "EV" ภูมิภาค

04 มิ.ย. 2564 | 09:15 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มิ.ย. 2564 | 10:41 น.
801

สุพัฒนพงษ์เตรียมเสนอที่ประชุม ศบศ. ความคืบหน้าดึงเงินบริษัทผู้นำเทคโนโลยี EV เข้าไทย มั่นใจมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลงทุน 2-3 บริษัท ดันไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตอีวีในภูมิภาค

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมประชุมศูนย์บริหารเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) วันที่ 4 มิถุนายน 64 นั้น กระทรวงพลังงานจะเสนอที่ประชุมถึงความคืบหน้าของการดึงดูดการลงทุนของต่างประเทศที่จะดึงเอาบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการผลิตรถ EV ให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยภายในปี 2573
    ทั้งนี้ ที่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนคือการเจรจากับบริษัทผู้นำในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ที่มีผู้ที่เข้ามาเจรจา 8 บริษัท และมั่นใจว่าจะสามารถดึงเข้ามาตั้งโรงงานในไทยได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 บริษัท ซึ่งหากมีฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ก็จะช่วยหนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถ EV ในภูมิภาคได้
    สำหรับมาตรการจูงใจการลงทุนของอุตสาหกรรมรถ EV นั้น นอกจากสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับ รัฐบาลยังพร้อมสนับสนุนวงเงินลงทุนบางส่วน โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่การสนับสนุนเป็นตัวเงินมีเงื่อนไข คือ บริษัทที่เข้ามาลงทุนต้องมีการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่บุคลากรคนไทย คือช่วยพัฒนาความรู้ให้กับคนของเราตามจำนวนที่กำหนด ขณะที่การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งคือ เทคโนโลยีดิจิทัล ในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวคอมพิวติ้ง ก็มีกลุ่มที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกันและอยู่ในระหว่างการเจรจา
    อย่างไรก็ดี  ต้องเรียนว่าการส่งเสริมการลงทุนในไทยอยู่ระหว่างปรับปรุงในหลายๆด้าน เช่น การลดภาษีนิติบุคคลให้เทียบเท่ากับสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการตั้งสำนักงานในภูมิภาค ส่วนมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอก็จะมีการขยายออกไป ซึ่งมั่นใจว่าหลังโควิด-19 คลี่คลายจะมีการลงทุนเกิดขึ้นอย่างชัดเจนหลายๆอย่างในประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :