*** ในที่สุดรัฐบาลนายกฯอิงค์ แพทองธาร ชินวัตร ก็คลอดแนวคิดแนวทาง แจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเรียกว่า ดิจิทัลเฟส 3 ก็ตามแต่ แต่เป็นการแจกเงินเพื่อให้เกิดการใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเที่ยวนี้วางกลุ่มเป้าหมายในการแจกไปที่ กลุ่มคนอายุ 16-20 ปี ที่มีจำนวนประมาณ 2.7 ล้านคน จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ รวมวงเงินที่ต้องใช้อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท แจกเพื่อให้นำไปจ่าย แล้วให้ไปจ่ายที่ไหนบ้าง ไปที่ร้านค้าทั่วไปทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ไปที่ร้านขายของชำ อาซิ้ม อาม่า ที่มีการขายเหล้า-บุหรี่เล็กน้อย ไปที่ร้านที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปเป็นหลัก
*** ที่ใช้ไม่ได้ก็กำหนดออกมาประมาณว่า ไม่ให้จ่ายค่าเทอม ค่านํ้า ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และไปจ่ายในร้านที่ขายเฉพาะเหล้า บุหรี่ หรือ ร้านทอง แน่นอนเมื่อคลอดแนวคิดแนวทางออกมา จึงมีเสียงดังระงม บ้างก็ว่าแหมคิดการณ์ไกล ซื้อเสียงล่วงหน้าเอากับคนกลุ่มนี้ ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าสำหรับคนอายุ 16 ปี บ้างก็ว่ากลุ่มนี้ได้เงินแล้วใช้จ่ายเลย หมุนสะพัด ทันทีที่จ่ายแน่นอน หลังจากรอบก่อนๆ ใส่แล้วเงียบๆ หน่อย แต่นี่ไม่ใช่มาตรการที่เล็งผลเลิศได้ในแง่กระกระตุ้นเศรษฐกิจ เม็ดเงินแค่เล็กน้อย เป้าเพื่อหมุนเวียนในระบบเท่านั้น
*** แต่แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้โตไปได้ 3 % อย่างที่วาดหวัง ต้องมีแพ็กเกจที่ใหญ่กว่านี้ และทำหลายทางในทุกภาคส่วน โดยตั้งโจทย์ให้ชัด มองภาพใหญ่ให้ชัด จี้ตรงจุดไหน ฐานรากอ่อนแอ หนี้สูง ขาดเม็ดเงิน เอสเอ็มอีอ่วม ดูกันตรงนี้ ซึ่งทุกฝ่ายมีข้อมูลชัดเจนตรงกันแล้ว เป็นหนี้ ขาดเม็ดเงินก็ต้องเติมเงิน ไม่ใช่ปล่อยให้ภาครัฐเติมฝ่ายเดียว
ภาคธนาคารกุมการเงินของประเทศ ต้องเหลียวหน้ามา ไม่ใช่แบงก์ชาติประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว แต่ธนาคารพาณิชย์วางเฉย หรือ ลดดอกเบี้ย แต่ก็ให้รายใหญ่ โดยไม่ถึงรายย่อย ยังคงฟาดกำไรพุงกางในแต่ละรอบบัญชี ดูเอาเถอะ ดูที่ส่วนต่างดอกเบี้ยฝาก-กู้ ที่พูดยํ้าๆ กันมาหลายปี ก็รู้ๆ กันอยู่ เมื่อเงินไม่มี ไม่หมุนก็เหี่ยวเฉาตาย เดี๋ยวก็ได้ลากกันพังเป็นโดมิโนไปทุกภาคส่วน
*** เศรษฐกิจไทยเหนื่อยไปทุกภาค ดูที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่หลับไหลไม่ตื่น กูรู Knight Frank วิเคราะห์ให้เห็น ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ผันผวน โดยตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังคงมีอุปทานล้นตลาด สัดส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 35% ตํ่ากว่าระดับ 40% ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ตลาดที่ดี
ด้านอาคารสำนักงานการเข้าพื้นที่เช่าลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงเป็นตลาดของผู้เช่าไปจนถึงปี 2570 เฉพาะคอนโดฯ ถูกกดดันจากอุปทานใหม่ เพิ่มขึ้นกว่า 360% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าจะมียอดขายใหม่เพิ่มขึ้น 9.9% แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการดูดซับซัพพลายที่ล้นตลาด แต่คอนโดฯหรูยังเป็นเซกเมนต์ ที่ได้รับการตอบรับดี มีอัตราการขายสูงกว่า 80%
*** ไม่สนแล้วหุ้นไทย ดัชนีตํ่าเตี้ยรูดมหาราชกันนัก หาทางเลือกใหม่ไปฝากเงินต่างประเทศดีกว่า มีรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย มีจำนวนบัญชีและยอดคงค้างบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ของคนไทยในเดือน ม.ค.68 มีจำนวนบัญชีรวม 2,865,977 บัญชี เพิ่มขึ้น 341.6% จาก 648,942 บัญชี เทียบช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา และยอดคงค้างรวม 26,059.21 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.8% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ 21,219.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่แค่ทางเลือกใหม่ในการฝากเงิน แต่มีอีกจำนวนมากที่ไปลงทุนหุ้นต่างประเทศหลายประเทศ ด้วยการที่หุ้นไทยขาดแรงจูงใจไปเยอะ
*** ปลายสัปดาห์นี้อย่าลืมติดตามบทสัมภาษณ์ ดร.ศุภชัย
พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) มีมุมมองให้เห็นความเคลื่อนไหวของโลกที่เข้ามาเกี่ยวพันกับตัวเรา และเราจะต้องทำอย่างไร ปรับตัวอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์โลกเปลี่ยนขั้ว การมาของทรัมป์ 2.0 นโยบายแบบนักเลงโต กับดักธูซิดิดีส (Thucydides Trap) : ความเสี่ยงของความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเก่าและใหม่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของระเบียบโลก ทั้งหมดนี้ในทุกแพลตฟอร์มของฐานเศรษฐกิจ
*** ปิดท้ายกันที่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญชวนนักเรียนชั้น ม.4-6 ทั่วประเทศ (ไม่จำกัดแผนการเรียน) หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่มีแพสชันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และต้องการแสดงศักยภาพของคนรุ่นใหม่เพื่อร่วมสร้างสรรค์โลกให้คูลล์กว่าเดิม สมัครเข้าร่วมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 20 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ดีค้าบ-The Decarb Mission” ลดคาร์บอน ให้โลกคูลล์ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และการนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยปีนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ค่ายเพาเวอร์กรีน บ้านปู สร้างสรรค์กิจกรรมสุดเข้มข้น และอัดแน่นไปด้วยสาระและความบันเทิงตลอด 9 วัน เพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้แนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ระดับการใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิด “วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม-เรียนรู้สู่การปฏิบัติ” ระหว่าง 26 เม.ย.-4 พ.ค. 2568
มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เรียนรู้การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ เจาะลึก, ฝึกประเมินปริมาณกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่า ด้วยเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ , สำรวจพื้นที่แหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอน และร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ภาคสนาม ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, แสดงศักยภาพผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรม “ดีค้าบ เฟสติวัล” ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ร่วมพบปะสังสรรค์ศิษย์เก่าค่ายเพาเวอร์กรีน , ประกวดโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ชิงทุนการศึกษาและเกียรติบัตร
สำหรับน้องๆ ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค. 2568 เวลา 16.30 น. และประกาศผลการคัดเลือก 7 เม.ย. 2568 ...อย่ารอช้า “ค่ายฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/powergreencamp, เว็บไซต์ : www.powergreencamp.com