ก๊าซ OCA ไทย-กัมพูชา แตะเรื่อง“เขตแดน”ก็วงแตก

*** แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่กี่เพลา ขั้วตรงข้ามทักษิณ ไล่ขย่มหนัก หาประเด็นที่อ่อนไหว จุดติดง่ายๆ ขึ้นมาเป็นประเด็นขยายวง โดยเฉพาะประเด็นที่ปลุกความเป็นชาตินิยมเรื่องเขตแดน เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ประเด็นแบบนี้พูดถึงกันเมื่อไหร่ เลือดรักชาติ กระแสรักชาติ กระแสชี้นิ้วไปที่อีกฝ่ายขายชาติ มักจะขายได้ทุกครั้ง ฉะนั้นเอ็มโอยูปี 2544 ที่ทำกันในสมัยรัฐบาลทักษิณ จึงดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

*** ร้อนหรือไม่ร้อน เอาเป็นว่า นายกฯ อิ้งค์ แพทองธาร เรียกหัวหน้าพรรค เลขาธิการธิการพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือด่วนในเรื่องนี้กันเลย ยืนยันพื้นที่เกาะกูดเป็นของประเทศไทย เป็นที่รับรู้กันทั้งไทยและกัมพูชา ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส รัฐบาลไม่ยอมเสียพื้นที่ประเทศไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไปให้ใครก็ตาม แต่ MOU44 ก็ยังอยู่ ไม่สามารถยกเลิกได้ ถ้าจะยกเลิกต้องมีการเจรจาข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะนี้มีความเข้าใจผิด โดยไทยไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลอะไร เพราะตั้งแต่ปี 2515 กัมพูชาขีดเส้นมาก่อน ส่วนปี 2516 ไทยก็ขีดเส้น แต่ในข้อตกลงข้างในต่างกัน จึงมีการทำMOU ขึ้นมาและเปิดเจรจากันว่าจะเป็นอย่างไร โดยใน MOU ฉบับนี้ไม่เกี่ยวกับเกาะกูด และไม่เคยอยู่ในการเจรจา 

*** อันที่จริงประเด็นที่ต้องพิจารณากันให้ถ่องแท้ ของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น ให้ยกเรื่องเขตแดนเอาไว้ก่อน แต่พิจารณาถึงทรัพยากรที่อยู่ใต้ท้องทะเล อันเป็นพื้นที่ร่วมแล้วเจรจาแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรม ดูจะเป็นประเด็นที่น่าถกเถียงมากกว่า เพราะถ้ายกเรื่องเขตแดนเมื่อใด การลากเส้นแผนที่เมื่อใด ตรงไหนเป็นของใคร ก็วงแตกเมื่อนั้น แต่พิจารณาความจำเป็นของการนำทรัพยการมาใช้ร่วมกัน โดยไม่พูดถึงเรื่องเขตแดนเลย จะเป็นไปได้หรือไม่

*** ต้องยอมรับว่าความจำเป็นของทรัพยากรที่จะนำมาใช้ ทอดระยะเวลายาวออกไป กูรูหลายท่านมองว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป เมื่อมีเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ ที่พ้นไปจากก๊าซและนํ้ามันไปแล้ว ว่ากันว่า 16 ปี ถ้าไม่เริ่มสำรวจขุดเจาะ ก็หมดความหมาย แต่ชั่วโมงนี้ถามว่าจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องขุดเจาะก๊าซใต้ท้องทะเลบริเวณทับซ้อนมาใช้ ถ้าดูจากปริมาณการนำเข้าพลังงาน ราคา ความมั่นคงทางพลังงาน คำตอบน่าจะอยู่ฝ่ายจำเป็นมากกว่า เพียงการอธิบาย หรือ ทำความเข้าใจให้พ้นการขายชาติกันอย่างไรเท่านั้น

 *** ข่าวดี เมื่อเร็วๆ นี้ที่อาคารประภาวิทย์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร บมจ. คอทโก้เมททอลเวอร์คส (Cotco) นำโดย วรพจน์ เพียรอภิธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กุลจิรา เพียรอภิธรรม กรรมการบริษัท ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บมจ. สหวิริยา สตีลอินดัสตรี (SSI) โดยมี วิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล ผู้ช่วยกก.ผจญ.อาวุโส เป็นผู้ร่วมลงนาม

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสองบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น วิน วิริยประไพกิจ กล่าวถึง Cotco ว่า เป็นพันธมิตรที่สำคัญที่ SSI เลือกมาพัฒนาโครงการ Modular Building โดยเน้นถึงความสามารถของ Cotco ที่มีข้อได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เนื่องจากผลิตในประเทศไทย และยังเป็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ตรงความต้องการของลูกค้าด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างแท้จริง

ขณะที่ วรพจน์ เพียรอภิธรรม ยํ้าว่า Cotco และ SSI มีความร่วมมือมาอย่างยาวนาน สะท้อนถึงความสัมพันธ์และความไว้วางใจ ที่มีระหว่างทั้งสองบริษัท การลงนามในครั้งนี้จึงเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุด

 *** ช่วยกันกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า นับเป็นอีกปีที่ทุนญี่ปุ่นอย่าง บริษัท สยามคาลโซนิค จำกัด บริษัทข้ามชาติที่มาตั้งฐานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยคืนทุนให้สังคม นอกจากเน้นใช้แรงงานไทยแล้ว ทุกปียังออกมาสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ในการอุดหนุนสินค้าภูมิปัญญาไทย บางปีนำไปแจกลูกค้า บางปีสั่งแจกพนักงานทั้งโรงงาน นับเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือเป็นระบบห่วงโซ่ เรียกว่าได้อานิสงค์กันตั้งแต่ผู้ค้า OTOP ไปถึง เกษตรกรชาวไร่ชาวสวนตัวจริง

*** สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานมูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทย แจ้งว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (28 กรกฎาคม 2567) ทางมูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทย ได้จัดแสดงนิทรรศการภาพ 72 พรรษา เล่าเรื่องผ่านภาพ จำนวน 109 โดยเป็นภาพพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ซึ่งจะมีพิธีเปิดจัดแสดง ในวันที่ 8 พ.ย. 2567 นี้ เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โซน Living Hall ชั้น 3 จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 8-17 พ.ย. 2567 และ ครั้งที่สอง จัดแสดงในวันที่ 20-5 ธ.ค.2567 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ห้อง Cen Space ชั้น 1 และครั้งที่ 3 วันที่ 10-31 ธ.ค. 2567 ณ ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน ลานกิจกรรมพราวไทย ชั้น B มูลนิธิภาพถ่ายฯ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมชมนิทรรศการภาพถ่าย 72 พรรษา เล่าเรื่องผ่านภาพ ในครั้งนี้

***ปิดท้ายกันที่... ผศ.ดร.กานต์ บุญศิริ นายกสมาคมชาวสงขลา ขอเรียนเชิญ อดีตนายกฯ ที่ปรึกษา กรรมการบริหาร สมาชิก และเครือข่ายสมาคมชาวสงขลา เข้าร่วมกิจกรรมสงขลาสัมพันธ์ เพื่อร่วมมุทิตาจิตแด่ชาวสงขลาที่เกษียณอายุ ครบวาระ และร่วมแสดงความยินดีชาวสงขลาที่ได้รับตําแหน่งใหม่ ในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ สโมสรกรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพฯ