ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่พยายามรักษาอำนาจการควบคุมกิจการไว้ภายในครอบครัว แต่บางครั้งธุรกิจก็ต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เช่น การตัดสินใจว่าจะยังคงเป็นธุรกิจครอบครัวธรรมดาหรือจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจุดเปลี่ยนเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่น
การตัดสินใจขายหุ้นหรือถอนตัวจากการเป็นเจ้าของธุรกิจของสมาชิกครอบครัวบางคน หรือเหตุการณ์ภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งความยากของการตัดสินใจมักเพิ่มขึ้นตามความผูกพันที่แน่นแฟ้น ของครอบครัวกับธุรกิจ
อย่างไรก็ตามการนำธุรกิจครอบครัวเข้าตลาดหลักทรัพย์อาจเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย แม้ว่าครอบครัวจะถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุมกิจการเพียงใด แต่ก็ยังต้องเปิดเผยข้อมูลและถูกตรวจสอบจากนักลงทุนอยู่ดี อย่างไรก็ตามการเข้าตลาดหลักทรัพย์มีข้อดีหลายอย่าง เช่น การเข้าถึงเงินทุนเพื่อการเติบโต โอกาสในการซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ไม่สนใจ มีตลาดที่สามารถซื้อขายหุ้นของครอบครัวได้ง่ายขึ้น และมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น เป็นต้น
โดย Jennifer Pendergast ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจครอบครัวจาก Kellogg School แนะนำ 3 แนวทางสำหรับครอบครัวที่กำลังพิจารณาการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ดังนี้
1. เข้าใจเหตุผลในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ แม้ธุรกิจครอบครัวแต่ละรายจะมีพลวัตรที่แตกต่างกัน แต่เหตุผลในการสู่ตลาดหลักทรัพย์มักเกี่ยวข้องกับ 2 ปัจจัยหลัก คือ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือการปรับเปลี่ยนเป้าหมายของครอบครัว โดยบริษัทที่ต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว ลงทุนจำนวนมาก หรือปรับตัวสู้กับคู่แข่ง ก็อาจตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อหาทุน
ขณะที่ในอีกทางหนึ่งธุรกิจครอบครัวต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายและวิสัยทัศน์ในแต่ละรุ่น เช่น คนรุ่นใหม่อาจต้องการยุติธุรกิจบางส่วนที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของตน หรือสมาชิกครอบครัวบางคนอาจไม่ต้องการมีส่วนร่วมในธุรกิจอีกต่อไป ซึ่งการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สามารถใช้เป็นวิธีในการซื้อหุ้นคืนจากสมาชิกเหล่านั้นได้ เป็นต้น
ดังนั้นสมาชิกครอบครัวทุกคนควรเข้าใจเหตุผลในการเสนอขายหุ้นเพื่อให้สามารถตัดสินใจร่วมกันได้ดีที่สุด และเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์หรือเป้าหมายของครอบครัวในอนาคต
2. การจัดการความเสี่ยง การรักษาความเป็นเจ้าของธุรกิจครอบครัวมีข้อดีหลายอย่าง เช่น การควบคุมวิสัยทัศน์ ค่านิยม กลยุทธ์ และวัฒนธรรมของบริษัท ทำให้ธุรกิจครอบครัวมักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าธุรกิจทั่วไป เนื่องจากสามารถมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาวในบุคลากร ผลิตภัณฑ์ และชุมชน ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว
ที่มา: Fred Schmalz. 2021. 3 Tips for Taking Your Family Business Public. Kellogg Insight. Available:https://insight.kellogg.northwestern.edu/article/3-tips-taking-your-family-business-public