บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 10 คนชอบอ่านหนังสือ-ดูหนัง

16 ก.ค. 2565 | 06:30 น.
788

บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 10 คนชอบอ่านหนังสือ-ดูหนัง : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3781

ในวัยมัธยมผมจะก้มหน้าอ่านหนังสือไม่ค่อยจะคุยกับใคร เพื่อนมันบ้าหนังสือก็เดินเอามายัดใส่มือไว้ให้อ่านยามว่าง อ่านไม่กี่คำก็รู้เลยว่าโดนวางยา เพื่อนรุมกันฮา มันเป็นหนังสือเพศที่โรงเรียนห้ามศึกษา ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเป็นหนังสือสายสะอาด เพราะว่าปกมันสีขาวล้วนๆ (ฮา) อันที่จริงผมชอบอ่านหนังสือการ์ตูน อย่าดูแคลนเป็นอันขาด จิตกรเขาเก่งตรงที่วาดเพียงภาพเดียวให้ผู้อ่านดูแล้วขำกลิ้งได้ แสดงว่าผู้อ่านเขาเข้าถึงเนื้อหาว่าเกิดอะไรขึ้น มันวัดฝีมือกันไปในตัวอยู่แล้วว่าคนวาดก็ต้องเข้าถึงจึงสามารถสื่อให้คนขำได้


เคยได้คุยกับ พี่ชัย ราชวัตร นานแล้ว ผมขอให้ พี่ชัย ช่วยวาดภาพล้อพร้อมลายเซ็นต์ให้ผมสักภาพ พี่ชัยบอกว่า “คนที่จะเอามาเป็นต้นแบบวาดภาพล้อได้ เค้าหน้าต้องมี จุดเด่น หรือ แปลกพิลึก กว่าคนทั่วไป อะไรสักหน่อย หน้าตาอาจารย์ดูธรรมดาหาจุดเด่นไม่เจอ” (ฮา) ผมได้แต่คิดขำๆ อยู่ในใจว่า “จะอะไรก็ช่างขอกันขนาดนี้ พี่รีบวาดให้ผมมาซะดีๆ” (ฮา)

พี่ชัย วาดไปคุยไป พี่เขาเล่าให้ฟังว่า “วันหยุดทีไรเพื่อนๆ จะพากันไปนั่งก๊งกันที่บ้านผม มีอยู่คืนหนึ่ง เพื่อนๆ ผมเขาฟาดกับแกล้มกันจนเกลี้ยงตู้เย็น ตอนนั้นก็ปาเข้าไปตีสาม ไม่รู้ว่าจะไปซื้อกับแกล้มที่ไหนได้ นึกขึ้นได้ว่าปลูกต้นไม้เอาไว้เยอะ ผมคว้ากะละมังเดินออกไป ไปเด็ดยอดใบไม้ทุกต้นที่ปลูกไว้หลังบ้าน ไม่สนใจว่ามันจะเป็นยอดของต้นอะไร เอามาล้างๆ แล้ว ผัดยอดไม้ไฟแดง ได้มาหนึ่งจานใหญ่ เอาจานไปวางกลางวงปุ๊บก็ไม่มีใครว่าอะไรสักคำ แย่งกันกินดูแทบไม่ทันว่าใครกินน้อยกินมากเพราะเพื่อนๆ เขากำลังเมาได้ที่” (ฮา)


ช่วงที่พี่ชายผมศึกษาจบ ป.เอก ที่ ฝรั่งเศส พี่ถามว่า “อยากได้อะไรเป็นพิเศษ” ผมขอรายการเดียวคือ หนังสือการ์ตูนที่วาดภาพล้อเลียนชีวิตในเชิงปรัชญา เอามาฉายขึ้นจอในห้องบรรยาย ผู้ฟังฮากันเป็นระยะ 

ใครจะไปนึกว่า หนังสือ เป็นเครื่องมือประเมินบุคลิกได้ว่า คนที่ชอบอ่านหนังสือ เป็นคนค่อนข้างมีโลกส่วนตัว (เพื่อนซี้เคยบอกว่าตอนที่เพิ่งเจอกันวันแรก รู้สึกว่าน่าจะคบยาก เอ็งนั่งนิ่งวางฟอร์มยังกะลูกเจ้าถิ่น)

 

ช่างฝัน (เคยซื้อเกือบถูกเลยนะ) มีจิตใจอ่อนโยน จริงใจต่อผู้อื่น เป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี (มันไม่ได้พึ่งอย่างเดียวนะ มันพิงจนเคลิ้มแล้วจกไปหลายใบ) ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองในบางครั้ง (ใครบอก หลายครั้งเลยนิ) ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเองนัก (หลังจากโดนแทงข้างหลังนะ) และ ชอบเอาความทุกข์ของผู้อื่นเป็นความทุกข์ของตนเอง (ประเมินหรือด่าเนี่ย จะหาว่าเค้าชอบเผือกใช่ป่ะ สนุกดีนะจะบอกให้) อะไรๆ พี่หนังสือว่าไงเหรอ อ๋อๆ อ่านเฉยเฉยๆ ไม่ต้องเถียง ไม่ได้เถียงกับพี่หนังสือ คุยกับผู้อ่านตะหาก (ฮา)


ผมไม่ได้บ้าแต่หนังสือนะ บ้าดูหนังด้วย กว่าจะเขียนนวนิยายได้สักเรื่อง ค้นกันจนมึน กึ๋นเพลียไม่ได้โอ.ที. กว่าจะสร้างเป็นหนังได้สักเรื่อง เปลืองตังค์ซะไม่มี เราไปดูหนังเรื่องหนึ่งจ่ายค่าตั๋วแค่ 50,000 กีบ ตกเป็นเงินไทย 100 บาท ดูสนุกได้มุกมาเมาธ์  คนชอบดูหนัง จะหลบมุมไปซ่อนเร้นจากโลกความเป็นจริง (เดี๋ยวนี้เจอแต่โลกหลอกๆ) เป็นคนฉลาดหัวไว (ไหวพริบในการขาย หัวข้อหากินผมเลยแหละ) เป็นผู้มีน้ำใจ (แท้งกิ้ว ชมอย่างเดียว ไม่ต้องล้วงซองออกมานะ) ติดเพ้อฝันมากเกินไป (ก็ยังดีกว่าเพ้อเจ้อเนาะ) ไม่พึ่งพาอาศัยคนอื่นมากนัก (จบรามครับจบราม ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) 


มีสติปัญญาดี (เนินพฤหัสไม่ยุบ แถมมีปานแดง ตามมาด้วยเส้นลายมือตัดกันสี่เส้น เขาเรียกว่าบ่อ อิอิ) ชอบช่วยเหลือตัวเองในยามเดือดร้อน (เปลี่ยนจาก ช่วยเหลือตัวเอง เป็น ดูแลตัวเองไม่รบกวนใคร จะดีกว่าไหม) เป็นคนง่ายๆ สบายๆ มีความคิดสร้างสรรค์ (แต่ก่อนนั่งสมาธิจะใช้ พุท…โธ เป็นคำภาวนา เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใช้บทสวด นะ โม ตัส สะ… 18 คำ จิตเกาะได้ยาวนานกว่า ในที่สุดก็แพ้ฝรั่งท่านหนึ่ง พี่แกใช้ เป๊บ…ซี่ เป็นคำภาวนา จริงๆ…) แฮ่ะๆ!

                                      บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 10 คนชอบอ่านหนังสือ-ดูหนัง

มิน่าล่ะ Charles Darwin ถึงได้บอกว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอด หรือ อยู่ยงคงกระพันนั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งเขาถามผมในห้องบรรยายว่า “ถ้าสิ่งแวดล้อมในห้องทำงานมันมีบรรยากาศไม่ค่อยจะดี เราจะทำอย่างไรดีครับ”


ผมก็แนะนำ ผสมแนะแหน แก้ง่วงไปนิดหน่อยว่า “ต้องดูว่าอะไรเป็นต้นเหตุของมลภาวะ เมื่อหาต้นเหตุเจอก็ต้องพิจารณาว่าจะเสนอให้ใครเป็นคนเคลม ที่สำคัญก็คือ อย่าเพิ่งกระพือความเห็นเมนธ์กระหน่ำ ไม่งั้นเชื้อมันจะกระจายขยายวง จะแก้ไขยาก หากต้นเหตุเกิดจากพนักงานที่อยู่กันคนละแผนก เราอย่าผลีผลามพุ่งเข้าชน ต้องรายงานหัวหน้าให้ผู้ใหญ่ทั้งสองแผนกเขาเคลี่ยร์กันเอง จะเสี่ยงน้อยกว่า…” 


เขาถามแทรกเข้ามาว่า “ชักช้าอย่างนั้นจะทันกินเหรอครับ” ผมถามเปลี่ยนอารมณ์ว่า “น้องทำกะกลางวันหรือกลางคืน” เขาบอกผมว่า “กะกลางวันครับ”ผมยวนไปดอกหนึ่งว่า “กลางวันควรชักช้าเอาไว้กลางคืนค่อยชักเร็ว” (ฮา) ผมยกมือไหว้ขอโทษแล้วรีบแจงว่า “น้องอยากแก้ไขให้มันดีน่ะดีแล้ว แต่ต่องรักษาตัวเองเอาไว้ให้ดีด้วย ไม่ใช่ปัญหามันหายแล้วน้องก็หายตามปัญหาไปเลย มันก็แย่นะ”

 

ผู้ถามเขาเริ่มยิ้มรอบสอง ไอ้ที่คิดว่าจะปล่อยของก็ต้องงด ถ้าจังหวะมันให้ผมจะบอกเขาเหมือนกันว่า “ในขณะที่เรามองว่าคนอื่นเป็นสิ่งแวดล้อมของเรา อย่าลืมว่าเราเองก็เป็นสิ่งแวดล้อมของเขาเหมือนกัน”


ถ้อยทีถ้อยอาศัยเป็นบุคลิกของผู้ประเสริฐ


ถ่อยหลายทีทำให้ช้ำใจเป็นบุคลิกของมาร