บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 2 “เกทับบลัฟแหลก”

21 พ.ค. 2565 | 06:30 น.
509

บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 2 “เกทับบลัฟแหลก” : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3785

ต่อหน้าผู้คนกลางงานปาร์ตี้วันคล้ายวันเกิดของสามีวัย 72 ภรรยาตั้งใจพูดออกไมค์ให้ทุกคนในงานฟังไว้เป็นพยานว่า “ฉันดีใจที่คู่ชีวิตฉันเป็นผู้มีอายุยืน…” สามีและแขกเหรื่อยิ้มแป้นกันทั้งงาน หลังจากใครต่อใครแยกย้ายกลับกันไปหมดแล้ว เธอก็พูดกับสามีว่า “ฉันจะเอาของขวัญไปเก็บให้เอง คุณน่ะอายุเยอะแล้ว เดินขึ้นเดินลงไม่ไหวหรอก” (ฮา) สามีจึงเกิดทิฐีว่ายังไม่แก่ เขาจึงไม่ยอมอยู่เฉย ออกแรงช่วยภรรยา (อิๆ)  

ผมยังพิศวาสนิทานอีสปเรื่องสิงโตกับหมาป่า เพราะมีนัยกริ๊บมาก หมาป่าปากดีคลอดลูกออกมา 4 ตัว เมื่อลูกแข็งแรงเดินได้ ก็พาลูกไปเดินเล่น เดินเพลินมาถึงหน้าถ้ำของสิงโต ตัวแม่ก็หยุดแขวะสิงโตไปดอกหนึ่ง
“ท่านเป็นสิงโตเจ้าป่าซะเปล่า มีลูกแค่ตัวเดียว เราเป็นแค่หมาป่า มีลูกตั้ง 4 ตัว!” สิงโตก็พูดสวนกลับไปว่า

“ข้ามีลูกแค่ตัวเดียวก็ใช่ แต่เป็นลูกสิงโต ไม่ใช่ลูกหมา!” มุกนี้มีปมคล้ายกับภาพวาดของจิตกรชาวฝรั่งเศส 
ภาพแรกมีคนติดเกาะเล็กๆ อยู่เพียงลำพังเขาตัดต้นไม้มาทำเป็นประภาคาร ส่วนบนเขาติดตั้งธงผ้าโบกสะบัด ภาพที่สองมีคนติดเกาะเล็กๆ อยู่ด้วยกันสองคน เขาช่วยกันตัดต้นไม้มาสร้างสะพานยาวออกไปในทะเลราวๆ 20 เมตร ไม่เกินนั้น ท่านคิดว่าระหว่างคนสร้างประภาคารกับคนสร้างสะพานในเคสนี้ ใครเป็นลูกสิงโต?


สามีคุยกับเพื่อนว่า “ฉันไม่ได้คุยกับภรรยามา 18 เดือน เพราะว่าฉันไม่ชอบขัดจังหวะเธอ!” (ฮา) เนื่องจากภรรยาเอาสามีคนอื่นมาเทียบกับสามีตนบ่อยว่า “แฟนเขาโอ.เค.กว่าแฟนฉัน!” นักปราชญ์ฝรั่งเขาแซวกันว่า  “การแต่งงานคล้ายกับไปร้านอาหาร เขาสั่งสิ่งที่ต้องการ จากนั้นเมื่อเห็นสิ่งที่คนอื่นมี เขาหวังว่าจะสั่งเมนูนั้นด้วย” คนที่นิยม “ลัทธิเอาอย่าง” กับ “ทฤษเดา” มีแววว่ายังสำคัญผิดในคุณลักษณะของบุคลิก

ใครที่เคยเหวี่ยงแหถามว่า “สังคมไทยมีกษัตริย์เอาไว้ทำไม?” ผมอดใจเอาไว้ไม่ได้จึงตอบผ่านรายการ ทีเล่นทีจริง FM 97 เอาไว้กว้างๆ ว่า มีไว้เติมเต็มสิ่งที่ผู้อื่นทำไม่ครบ!


พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงเปลี่ยน นางยักษ์ คือ สนามม้า ให้เป็น นางสีดา คือ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 พื้นที่โดยรวม 279 ไร่ เนรมิตรเป็น สวนป่ากลางเมือง แก้มลิง ซูเปอร์แลนดมาร์ค มีพื้นที่ชุ่มน้ำ พืชกรองน้ำ เกษตรทฤษฏีใหม่ มีสระน้ำรูปทรงเลข 9 สะพานหยดน้ำพระทัย สะพานไม่เจาะบากง ฝายชะลอน้ำ กังหันน้ำชัยพัฒนา บ่อปลานิล แก้มลิง เชื่อมกับ คลองผดุงกรุงเกษม กับ คลองเปรมประชากร

 

คลองสามเสน ท่าเรือ พลังงานทดแทน Floating Solar Cell สนามเด็กเล่น ลานกีฬา ทางจักรยาน  ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าของ “ชุมชนนางเลิ้ง” โซนจอดรถใต้ดิน 3 ชั้น รองรับรถยนต์ 700 คัน อาคารจอดรถโรงพยาบาลรามาธิบดี และ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ ฯ รัชกาลที่ 9
คิดฟุ้งอยู่ว่า “ ประธานาธิบดีทิพย์”  ของ “ประเทศทิพย์” จะเอา พื้นที่สนามม้า ไปทำอะไร (อิๆ)


ในหลวง ร.9 เสด็จพระราชทานโคพันธุ์และสุกรแก่ชาวไทยภูเขา นักวิชาการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำชาวไทยภูเขาราวครึ่งชั่วโมง พระองค์ทรงสังเกตเห็น ผู้ฟังนั่งทำตาปริบๆ เมื่อนักวิชาการบรรยายจบ ในหลวงทรงมีพระราชดำรัส เพิ่มเติมต่อท้ายเพียงแค่สี่วรรคแต่เป็นสี่วรรคที่ชาวไทยภูเขารอคอย เพราะเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงหมู!


ทรงมีพระมารยาทขอโอกาสว่า “ฉันพูดบ้างนะ” ทรงชักชวนให้เทใจมาจดจ่อว่า “ฟังให้ดีๆนะ”


ทรงโน้มน้าวให้มองผลลัพธ์ว่า “จะเลี้ยงหมูให้มันอ้วนโตเร็วๆ” ทรงชี้แนะวิธีเลี้ยงให้ตรงจุดว่า “ต้องให้มันกินให้อิ่ม”

                                 บุคลิกพลิกอนาคต ฉากที่ 2 “เกทับบลัฟแหลก”
ขอเดชะ ฯ วาทกรรมพระดำรัส ของ สยามมกุฎราชกุมาร ก่อนที่พระองค์ท่านจะเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็น พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ธรรมดาซะที่ไหน สำหรับผมเห็นว่าสามารถจัดเป็นคติพจน์ระดับโลกได้ 100% ใครที่ตื่นเต้นเมื่อโดนหักคอให้ออกไปพูดต่อหน้า กลุ่มคนได้อ่านชุดความเชื่อนี้แล้ว ความมั่นใจแผซ่านทันที

 

รำลึกถึงวันพฤหัสที่ 28 ธ.ค. 2515 ศุภวาระที่พระองค์ได้รับพระอิสริยยศ สยามมกุฎราชกุมาร บรรดาผู้สื่อข่าวต่างชาติได้มีโอกาสทูลถามสัมภาษณ์ในขณะที่พระหัตถ์ของพระองค์กำลังพับนกกระดาษอยู่นั้น


ผู้สื่อข่าวทูลถามว่า “ตื่นเต้นไหมที่ได้ทรงดำรงตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมาร?” องค์มกุฎราชกุมารท่านตรัสว่า “ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น!” ผู้สื่อข่าวทูลถามต่อว่า “ตำแหน่งรัชทายาทสำคัญมาก ทำไมท่านถึงไม่ทรงตื่นเต้น?”

 

องค์มกุฎราชกุมารท่านตรัสว่า “นกบินไปได้ในอากาศ นกก็ไม่ได้ตื่นเต้น ปลาว่ายไปในน้ำ ปลาก็ไม่ได้ตื่นเต้น เขาไม่ตื่นเต้นเพราะมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นหน้าที่ของนกและปลา ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน!”


โค้ชปั้นนักชกจนกลายเป็นแชมป์แต่เขาชกไม่เป็น  นักเศรษฐศาสตร์เก่งด้านตัวเลขแต่ไม่มีบุคลิกที่จะเป็นนักบัญชี ผมไม่เห็นว่า โค้ชนักมวย กับ นักเศรษฐศาสตร์ ด้อยค่าตรงไหน พิลึกแน่ถ้าให้ช้างปีนแข่งกับลิง