คิดพหูสูตพูดอัจฉริยะ ฉากที่ 6 พูดให้เขาพอใจ

17 เม.ย. 2565 | 08:30 น.
501

คิดพหูสูตพูดอัจฉริยะ ฉากที่ 6 พูดให้เขาพอใจ : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3775 หน้า 6

มุกผ่อนคลายในถิ่นออนไลน์จัดว่าเต็งจ๋า มุดเข้าไปฮาใน เว็บไซต์ Thai News Stock แซว ส.ส.บางคน ในสภา จัดว่าฮาใช้ได้  ส.ส.ท่านแรกพูดน่ารักน่าชังว่า “คุณน่ะไอ้หน้าโง่” ส.ส.ท่านที่สอง กล่าวชื่นชมท่านแรกว่า “คุณน่ะไอ้งี่เง่า” ท่านประธานสภา รับมุกได้เป๊กพ่อทันควันว่า “บัดนี้ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติแนะนำตัวชัดเจนแล้ว เราจะได้ดำเนินการประชุมกันต่อไป” (ฮา)

 

ชานัคย่า (Chanakya) เป็นนักปราชญ์อินเดียผู้มีชื่อเสียงสะเทือนทั่วแผ่นดินในสมัยโบราณ ทั้งๆ ที่ไม่มีติ๊กต่อกเป็นตัวช่วย เป็นครูผู้ทรงเกียรติ เป็นนักกฎหมายระดับชาติ เป็นนักเขียนบทความการเมือง ท่านได้ฝากคติพจน์เตือนใจไว้ว่า “โลกนี้มีอัญมณีอยู่สามอย่าง คือ น้ำ อาหาร และ คำพูดที่ไพเราะ”

นิสัยอันถาวรของผมอุดมไปด้วยลีลาบู๊ผสมบุ๋นหมุนเวียนกันไปตามกระแสที่แถเข้ามากระทบ ถ้าคนรุ่นปูถามผมว่า “เอ็งว่าข้าแก่ไหมวะ?” ผมก็จะบอกว่า “ท่านเป็น ผู้มีอายุยืน แสดงว่าท่านเป็นคนใจดี คนไม่ฆ่าสัตว์จะมีอายุยืน” ถ้าไม่เชื่อก็ลองยิง ชิวาว่า ของขาใหญ่ในซอยดูสักตัวสิ! (ฮา)

 

ผมเคยบอกครูว่า “เพื่อนร่วมห้องเขาแกล้งผมเรื่อยเลย”ครูถามย้อนผมว่า “แล้วเธอทำตัวยังไง เพื่อนมันถึงแกล้งเอาได้” ผมเกิดมโนทุจริตคิดขึ้นมาในใจทันทีว่า วันใดถ้าครูคนนี้โดนข่มขืน ผมก็จะถามกลับไปบ้างว่า “แล้วครูทำตัวยังไง จิ๊กโก๋มันถึงข่มขืนเอาได้!” (ฮา)


โหงวเฮ้งใคร มุมปากตก เหมือนผม เชื่อคำชี้แนะของหมอดูไว้บ้างจะดี หมอดูเตือนชัดเจนว่า “คนที่มุมปากตก พึงระวังตัวอย่างน้อยเดือนละหน เพราะว่า วัน ขึ้น 15 ค่ำ มักจะหอน” (ฮา) ถ้ามุ่งจะเป็นนักพูดคิดพหูสูตพูดอัจฉริยะ เราต้องรู้จัก “พูดคุยให้เขาพอใจ เงียบไปให้เขาถามหา” 


ม.จุฬา สามย่าน คณะนิเทศศาสตร์ สอนการ PR ไว้ดีว่า เนื้อหาที่จะนำเสนอต้องคัดกรองสามจุดนี้ให้ปั๊วะ!


1. ปรารถนาดี 


รถโดนชนยุบแต่ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน ทำให้ผู้ขับขี่ซี่โครงหักแขนเดาะ ลูกค้ามาติดต่อกับโชว์รูมเรื่องค่าชดเชย พนักงานโชว์รูมพูดหน้าตาเฉยด้วยข้ออ้างที่ฟังแล้วทำให้ลูกค้าเริ่มมีอาการ “หัวใจWhy” (ฮา) พนักงานพูดว่า “แรงปะทะในการชนมันชนเบาเกินไป มุมในการชนมันจึงไม่ได้องศาตรงกับระบบเซ็นเซอร์ มันชนในลักษณะมุมเอียง ไม่ได้ชนมุมตรง ทำให้ระบบถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน มันเป็น 1 ใน 100 จริงๆ”


กรณีนี้จะไม่มีข่าวฉาวถ้าเธอพูดว่า “ดิฉันเป็นห่วงคุณมากกว่ารถนะ หมอเขาว่าไงบ้างคะ” หลังจากเยียวยาความรู้สึกกันแล้วค่อยวกมาเจรจากันว่า ในสัญญาโชว์รูมช่วยอะไรได้บ้าง วรรคที่ควรจะลบทิ้งอย่าเอามาอ้างอิงกวนประสาท คือ มันเป็น 1 ใน 100 มันคือสำนวนที่บ่งว่า ลูกค้าดวงซวยช่วยไม่ได้จริงๆ (ฮึ่ม!)


2. ปลอดภัย 


การปล้นธนาคารที่ กวงซู เมื่อปี 13 พ.ค. 2013 โจรชำนาญ ตรรกศาสตร์เฉโก เดี๋ยวนี้ในโลกโซเชี่ยลก็ใช้กันตะพึด สาวในธนาคารร้องกรี๊ดเมื่อรู้โดนปล้น ฝ่ายโปรประกันด้าของโจรตะโกนโปรประกันด้าในทันทีว่า


“ทุกคนอย่าเอะอะ เรามีวัฒนธรรมทั้งแกงค์ เรามาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้คิดจะมาข่มขืนใคร” (ฮา) ยังมีบางคนที่มีท่าทียึกยัก โฆษกโจรคนเดิมก็ตะโกนเกลี้ยกล่อมซะอีกดอกหนึ่งว่า “อยู่กันเฉยๆอย่าขยับ เข้าใจตรงกันนะครับ เงินน่ะเป็นของรัฐ ชีวิตน่ะเป็นของคุณ” (ฮา) แม่ค้าวางกระด้งเกินสีที่ตีเส้นเป็นแนวไว้บนฟุตบาท จราจรบ้านนอกนายหนึ่งเดินมาเตะกระด้งเลื่อนไปไม่ให้ล้ำเส้น แม่ค้าพูดแผ่วๆตามหลังไปว่า “มึงอย่าเกษียณก็แล้วกัน”


3.ปันเกียรติ 


ผมเล่ากรณีในสมัยพุทธกาลแบบย่อส่วนสักนิดหนึ่งว่า เศรษฐีเอาอาหารทีเหลือจากการทานให้คนใช้เอาไปทาน คนใช้บ้านเศรษฐีเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาก็เอาอาหารนั้นถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ารับไว้ไม่มีท่าทีรังกียจอันใด เศรษฐีก็เอาอาหารมาถวายพระพุทธเจ้าเช่นกัน คนใช้เริ่มจิตตกว่า พระพุทธเจ้าไม่ทานของเราแน่เพราะของเศรษฐีดูดีกว่า 

                               คิดพหูสูตพูดอัจฉริยะ ฉากที่ 6 พูดให้เขาพอใจ
พระพุทธเจ้ารู้วาระจิตจึงบอกให้ท่านพระอานนท์ปูอาสนะลงบนพื้นดินตรงนั้น ที่เพิ่งรับถวายจากคนใช้บ้านเศรษฐีแล้วเสวยให้เป็นประจักษ์ เศรษฐีรู้ความก็จะลงโทษคนใช้ พระพุทธเจ้าห้ามไว้พร้อมกับอธิบายถึงจิตใจอันดีงามของคนใช้ เศรษฐีเข้าใจจึงเว้นโทษและปูนบำเหน็จเพิ่มให้คนใช้หลายรายการไม่ลำบากและแปลกประหลาดอันใดถ้าเราจะให้เกียรติผู้อื่นตามรอยพระพุทธเจ้า (สาธุ อนุโมทามิ)


คนใบ้พูดด้วยการกระทำ คนธรรมดาจะกระทำแทนการพูด พระพุทธเจ้าทำดั่งว่านั้นเท่ากับเป็นการมีพุทธดำรัสโดยปริยายว่า อาหารที่คนใช้เอามาถวายเป็นของที่มีคุณค่า ไม่ต่างไปจากอาหารที่เศรษฐีจะถวาย ท่าน เคานต์เดอริวาโรล นักเขียนคติพจน์ชาวฝรั่งเศส ให้ความเห็นไว้ดีมากว่า “คำพูด เป็นอาภรณ์แห่งความคิด คำอธิบาย คือ เกราะป้องกัน” ปัจจัย 3 ป. นี่ไง แก่นแท้จากคติพจน์ที่ ท่านเคานต์ กล่าวถึง