ย้อนอดีต 1 ก.ค.18 -1 ก.ค.64 ครบรอบ 46 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน

01 ก.ค. 2564 | 11:55 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2564 | 17:53 น.
658

ย้อนอดีต ครบ 46 ปี แห่งการสถาปนา "ความสัมพันธ์ไทย-จีน" ทางการทูต เปิดทางประชาชนของแต่ละประเทศมีสิทธิเลือกระบอบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของตน ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน

ย้อนอดีตไปเมื่อ 1 ก.ค.2518 จวบจนถึงวันนี้ 1 ก.ค.2564 ถือเป็นวันครบรอบ 46 ปี ที่เกิดการการสถาปนา "ความสัมพันธ์ไทย-จีน" สร้างความแน่นแฟ้นระหว่างสองชาติเรื่อยมา


วันนี้(1 ก.ค.64) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งลงนามโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายโจว เอิน ไหล นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๑๘ ณ กรุงปักกิ่ง  ความว่า 

๑. รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความปรารถนาที่จะฟื้นฟูและกระชับความสัมพันธ์ที่ได้มีมาช้านานอย่างใกล้ชิด และ ฉันมิตร ระหว่างประชาชนของประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และความปรารถนาร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งได้ตกลงใจที่จะรับรองซึ่งกันและกันและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตนับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ เป็นต้นไป 

๒. รัฐบาลทั้งสองแถลงยืนยันว่า ประชาชนของแต่ละประเทศเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกระบอบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของตน โดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก และทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นเช่นเดียวกันด้วยว่า ถึงแม้ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีระบอบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่น่าที่จะมีอุปสรรคต่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันสันติ และฉันมิตรระหว่างประเทศ และประชาชนทั้งสองตามหลักแห่งความเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน การไม่รุกรานต่อกัน การไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน ความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันและการอยู่ร่วมกันโดยสันติ 

๓. รัฐบาลทั้งสองตกลงที่จะระงับกรณีพิพาททั้งมวลโดยสันติวิธี ตามหลักการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น โดยจะไม่หันไปใช้หรือคุกคามว่าจะใช้กำลัง 

๔. รัฐบาลทั้งสองตกลงกันว่า การรุกรานหรือการบ่อนทำลายทั้งปวงจากต่างประเทศ และความพยายามทุกประการของประเทศใด ที่จะควบคุมประเทศอื่นใดหรือที่จะแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้าม และต้องถูกประณาม 

๕. รัฐบาลทั้งสองยังเป็นปฏิปักษ์ต่อความพยายามของประเทศหรือกลุ่มประเทศใด ที่จะสถาปนาความเป็นใหญ่ หรือสร้างเขตอิทธิพลเหนือส่วนหนึ่งส่วนใดของโลกอีกด้วย 

๖. รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เป็นรัฐบาลอันชอบด้วยกฎหมายของประเทศจีนเพียงรัฐบาลเดียว รับทราบท่าทีของรัฐบาลจีนว่า มีจีนเพียงประเทศเดียว และว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่จะแบ่งแยกมิได้ และตกลงใจที่จะถอนผู้แทนทางการของตนทั้งหมดออกจากไต้หวันภายในระยะเวลา ๑ เดือน นับจากวันที่ลงนามแถลงการณ์ฉบับนี้ 
                               ย้อนอดีต 1 ก.ค.18 -1 ก.ค.64 ครบรอบ 46 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน

๗. รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนรับรองรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และตกลงที่จะเคารพเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย 

๘. รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนรับรู้ความเป็นจริงที่ว่า นับเป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ชาวจีนในประเทศไทยได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความปรองดองและไมตรีจิตกับชาวไทยตามกฎหมายไทย และตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีของชาวไทย รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศไม่ยอมรับการถือสองสัญชาติ รัฐบาลทั้งสองถือว่า บุคคลสัญชาติ หรือ เชื้อชาติจีนผู้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยย่อมสูญเสียสัญชาติจีนโดยอัตโนมัติ 

ส่วนในกรณีชาวจีนซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยที่เลือกจะรักษาไว้ซึ่งสัญชาติจีนด้วยความสมัครใจของตนเองนั้น รัฐบาลจีนโดยปฏิบัติตามนโยบายที่มีมาอย่างสม่ำเสมอ จะเรียกร้องให้บุคคลเหล่านั้นปฏิบัติตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย เคารพธรรมเนียมจารีตประเพณีของชาวไทย และอยู่ร่วมกับชาวไทยอย่างฉันมิตร สิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของบุคคลดังกล่าวจะได้รับความคุ้มครองโดยรัฐบาลแห่งประเทศจีน และความรับนับถือจากรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย 

๙. รัฐบาลทั้งสองตกลงที่จะดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้า เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศทั้งสอง 

๑๐. รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตกลงที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูตซึ่งต่างฝ่ายให้ความเห็นชอบต่อกันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ และจะอำนวยความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นต่อกันและกันทุกประการในการจัดตั้งและและปฏิบัติหน้าที่ของคณะผู้แทนทางการทูตในนครหลวงของประเทศทั้งสอง โดยเป็นไปตามการปฏิบัติระหว่างประเทศและบนมูลฐานแห่งการถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน 

บทสรุป ในวันที่ ๑ ก.ค.๖๔ จึงเป็นวาระสำคัญของการครบรอบ ๔๖ ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน ซึ่งไทยและจีนได้ยึดถือตามเจตจำนงในแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวมาโดยตลอด

(ข้อมูลจากหนังสือ “ความสัมพันธ์ไทย-จีน” ฉบับภาษาไทย ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักงานสารนิเทศ แห่งคณะรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน ปี พ.ศ.๒๕๔๘ หน้า ๑๔๔ - ๑๔๕)