(6 สิงหาคม 2567) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับพันธมิตรจากหลายสถาบัน เปิดตัวโครงการความร่วมมือ "ชริมป์การ์ด" (ShrimpGuard) อย่างเป็นทางการ โครงการนี้มีเป้าหมายในการพัฒนาสูตรผสมของแบคทีริโอฟาจ (Bacteriophage) หรือฟาจ (Phage) และสารเสริมชีวนะ เพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย Vibrio spp. ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในกุ้งเลี้ยง โดยได้รับทุนสนับสนุนจำนวน 41,605,962 บาท จากศูนย์วิจัยการพัฒนาระหว่างประเทศ (IDRC) ประเทศแคนาดา และกระทรวงสาธารณสุขและสังคมแห่งสหราชอาณาจักร มีระยะเวลาดำเนินการ 32 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2569
นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เปิดเผยถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งต่อประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ โดยชี้ให้เห็นว่า การเพาะเลี้ยงกุ้งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ในอดีต ประเทศไทยเคยเป็นผู้ผลิตกุ้งรายใหญ่อันดับสองของโลก โดยมากกว่า 90% มาจากการเพาะเลี้ยงในประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังนี้ ประเทศไทยได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและจีน
สาเหตุสำคัญของการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดนี้มาจากปัญหาหลายประการ ได้แก่ การระบาดของโรคในกุ้ง การปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะ ข้อจำกัดด้านการส่งออก และนโยบายการค้าที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกยังส่งผลให้การแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระหว่างการเพาะเลี้ยงมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและอัตราการรอดของกุ้ง และนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
ปัจจุบัน โรค Vibriosis ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio spp. เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้กุ้งตายในฟาร์มเลี้ยงและโรงเพาะฟัก เกษตรกรจึงมักใช้ยาปฏิชีวนะหรือสารเคมีเพื่อควบคุมเชื้อและป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม การใช้ยาที่ไม่เหมาะสมหรือเกินขนาดอาจนำไปสู่ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยา การแพร่กระจายของเชื้อดื้อยาและยีนดื้อยาในสภาพแวดล้อม รวมถึงการตกค้างของยาปฏิชีวนะในเนื้อกุ้ง
ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจํานงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การพัฒนาทางเลือกเพื่อลดปัญหาดังกล่าวในการเพาะเลี้ยงกุ้งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โครงการ "ชริมป์การ์ด" จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะมีส่วนช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งให้มีความยั่งยืน ด้วยการลดการพึ่งพายาปฏิชีวนะแบบดั้งเดิม
ดร. กัลยาณ์ ศรีธัญญลักษณา-แดงติ๊บ นักวิจัยอาวุโสจากไบโอเทค สวทช. และหัวหน้าโครงการนี้ ได้อธิบายถึงแนวคิดหลักของโครงการว่า ทีมวิจัยมุ่งพัฒนาสารชีวภาพที่เรียกว่า "ชริมป์การ์ด" ซึ่งเป็นแบคทีริโอฟาจ หรือไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการเข้าทำลายเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในกุ้งได้อย่างจำเพาะเจาะจง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในระบบการเลี้ยงกุ้งและในลำไส้กุ้ง ชริมป์การ์ดจะถูกพัฒนาให้สามารถใช้ได้ทั้งในน้ำเลี้ยงกุ้งและในสูตรอาหารกุ้ง โดยใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความคงตัวของผลิตภัณฑ์
รศ.ดร.กิติญา วงษ์คำจันทร์ โอราน จากภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการร่วม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากการพัฒนาชริมป์การ์ดแล้ว ทีมวิจัยยังจะพัฒนาสารชีวภาพอื่นอีก 3 ชนิดที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของกุ้งเพื่อต้านการก่อโรคของเชื้อแบคทีเรีย สูตรอาหารที่ผสมสารชีวภาพเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระหว่างการเลี้ยงลูกกุ้งเพื่อป้องกันและควบคุมเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
โครงการชริมป์การ์ดไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายการสนับสนุนแนวทางการใช้สารชีวภาพทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะหรือสารเคมีในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล โดยร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้
ดร. กัลยาณ์ ยังเปิดเผยว่า โครงการวิจัยนี้จะพัฒนาเครือข่ายการทำงานร่วมกับศูนย์เครือข่ายสุขภาพสัตว์น้ำแห่งอาเซียน (ASEAN Network on Aquatic Animal Health Centres: ANAAHC) โดยมีประเทศไทย ผ่านกองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมง เป็นผู้นำศูนย์เครือข่าย นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการสนับสนุนจากคณะที่ปรึกษาซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรระดับนานาชาติ เช่น องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเชียและแปซิฟิก (NACA) และศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC)
ผลสำเร็จจากโครงการวิจัยนี้จะได้รับการเผยแพร่ผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐ เช่น กรมประมง และภาคเอกชน เพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีและข้อมูลแก่เกษตรกรในประเทศ โดยเน้นไปที่การใช้เป็นแนวทางที่สามารถทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะในการเพาะเลี้ยงกุ้ง
โครงการชริมป์การ์ดจึงนับเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่จะช่วยแก้ปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะที่มากเกินไป ลดการเกิดเชื้อดื้อยา และนำไปสู่การผลิตกุ้งที่ปลอดโรค ปลอดภัย และปราศจากยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การพัฒนานี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกุ้งไทยในตลาดโลก และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในภูมิภาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง