ทายาทรุ่น3 ศิวาเทล ต่อยอด Green Hotel สร้าง Brand Purpose ติดท็อปในใจสายกรีน

 เทรนด์การท่องเที่ยวรักษ์โลก หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กำลังมาแรงในยุคที่ทั่วโลกต้องช่วยกันลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมไปมากกว่านี้ รายงาน Booking.com ระบุว่า 78% ของนักท่องเที่ยว มองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น และ 65% ต้องการที่พักที่มีการตกแต่งภายในด้วยพื้นที่สีเขียวและประดับด้วยต้นไม้ราวกับอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขณะที่ ทราเวลโลก้า พบว่า 80% ของผู้ใช้งานต้องการจองที่พัก ที่ผ่านการรับรองด้านบริการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการรับรองระดับ 3 จาก Booking.com ให้เป็นที่พักที่ผ่านการรับรองที่พักสำหรับเดินทางอย่างยั่งยืน ซึ่ง “อลิสรา ศิวยาธร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ ทายาทเจน 3 เล่าว่่า สิ่งที่ได้มา เกิดจากการสานต่อจากรุ่นอากง เจน 1 ที่วางระบบภายในอาคารโรงแรมให้รองรับต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และบำบัดของเสีย ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Business and Green” เธอในฐานะ เจน 3 เริ่มเข้ามาสานต่อเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากการค้นหา Brand Purpose ของ “ศิวาเทล”

 “อลิสรา” ยอมรับว่า ไม่ง่ายนัก เพราะจากแบรนด์คอนเซ็ปท์ของอากงเมื่อกว่า 15 ปีที่แล้ว กลุ่มเป้าหมายหลักคือนักธุรกิจ เพราะที่ตั้งของโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองย่านชิดลม แต่ทำไปทำมา คนที่เข้ามาพักและใช้บริการ ส่วนใหญ่คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น เธอจึงต้อง “รีแบรนด์ ศิวาเทล”

“อลิสรา” นำเรื่องระบบที่อากงวางไว้มาต่อยอดกับแนวคิดจากการไปเทคคอร์สสั้นๆ กับ “พอแล้วดี เดอะครีเอเตอร์” เรียนรู้การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ และนั่นคือ Brand Purpose ที่ซีอีโอคนนี้ค้นพบ เธอเจอความหมายในการทำธุรกิจโรงแรม ที่ไม่ได้เอากำไรเป็นตัวตั้ง แต่กำไรต้องมี และเป็นกำไรที่เธอทำได้มากกว่าในอดีตเสียอีก

“บ้านเราทำอพาร์ทเม้นท์ แล้วก็มาทำโรงแรม เราไม่ได้ทำธุรกิจจ๋า เราเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งแต่เริ่มต้น” นั่นคือสิ่งที่ “อสิศรา” บอก

 “เราจบบริหารธุรกิจมา เขาสอนให้หาจุดขาย สร้างจุดต่าง การวิ่งตามเทรนด์มันเหนื่อย...พอแล้วดี กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้เรารู้จักคิดถึงคนอื่น ไม่ใช่แค่ธุรกิจตัวเอง เราต้องมองออกไปข้างนอก ทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม”

 เธอเริ่มปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งใหม่ ทำทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ให้เป็นวัสดุที่มาจากการรีไซเคิล ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพิ่มการปลูกพืชผักออแกนิกส์ ไว้ใช้เองในโรงแรม การซื้อวัตถุดิบด้านอาหารโดยตรงจากเกษตรกร แน่นอนว่ามีบางอย่างถูก บางอย่างแพง แต่โดยรวมแล้วทำให้ต้นทุนด้านวัตถุดิบลดลง และทำให้ศิวาเทลสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ทันที 9%

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ “อลิศรา” ให้ความสำคัญมากหลังจากผ่านช่วงโควิด ก็คือ ช่องทางออนไลน์ ออนไลน์ทราเวลเอเยนต์และลูกค้าคอร์ปอเรท ซึ่งเป็นช่องทางที่ทำให้รายได้ของศิวาเทลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หากเทียบกับยุคก่อนโควิดที่ขายผ่านเอเย่นต์ ต้องถูกฟิคเรทค่าห้องพัก แทนที่บางช่วงจะปรับเพิ่มค่าห้องหรือค่าบริการขึ้นได้ และนี่คืดโมเดลของธุรกิจโรงแรมยุคใหม่

ปัจจุบัน โรงแรมศิวาเทลติดท็อป 5 ของโรงแรมด้านความยั่งยืนในกรุงเทพฯ จากการค้นหาใน Booking.com “อสิศรา” บอกว่า หลังจากนี้ เธอยังเดินหน้าแผนด้านความยั่งยืนต่อไป เพราะการทำงานด้านนี้ จะมีเรื่องใหม่ๆ ให้ทำได้อยู่เรื่อยๆ เช่นการเพิ่มพื้นที่ปลูกพืชผักออร์แกนิคกินได้ที่ชั้น 28 ของโรงแรม และการสร้างคอมมูนิตี้ ที่มีแผนภายใน 5 ปี โดยการทำงานร่วมกับพันธมิตร อาทิ อลิอันซ์ อยุธยา Chula Zero Waste เอ็มบีเค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อทำเรื่อง Zero Waste ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และขยายวงกว้างมากขึ้น

  “ของเราตั้งเป้า Zero Waste to Landfill ภายในปี 2567 Food Waste เราจัดการได้แล้ว เหลือแต่ขยะอื่นๆ ที่จะแยก แม่บ้านกำลังรวม ตอนนี้เราแยกได้ว่ามันมี 44 ชนิด Chula Zero Waste จะมาดีไซน์ถังขยะให้เรา...การเขียนเป้าหมายไปไกลๆ ตัวก่อน มันไม่ใช่ แต่ของเรามันคือธุรกิจครอบครัว เราก็พยายามทำให้เห็น”

 “อลิศรา” เสริมอีกว่า ที่ศิวาเทลมีการทำ Product Planning และที่นี่ไม่มีบุฟเฟ่ต์ เพราะฉะนั้นเลยจัดการเรื่อง Food Waste ได้ง่ายขึ้น และยังมีแผนที่จะทำเรื่องกรสร้างความมั่นคงทางอาหารของคนเมือง เพราะฉะนั้น รูปแบบธุรกิจของศิวาเทล ซีอีโอคนนี้ยินดีที่จะให้ทุกคนเลียนแบบ เพราะอย่างที่บอกไปแล้ว งานด้านความยั่งยืน ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก และเธอจะเดินหน้าทำต่อไป

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,948 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566