ผู้นำ PRINC ประกาศแผน 2023 ก้าวย่าง ‘สู่ความยั่งยืน’

26 พ.ย. 2565 | 11:08 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2565 | 18:19 น.

นับจากวันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้บริหารเครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ ได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กร

พร้อมทั้งแต่งตั้ง “ธานี มณีนุตร์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO)

 

“ธานี” ก็ลุยต่อทันที กับการขยายธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน คลินิก และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ แบบไม่ให้เสียเวลา เพราะเขาก็คือหนึ่งในผู้บริหารที่ทำงานร่วมมากับ ดร.สาธิต ตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จึงไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ ซึ่งล่าสุด PRINC ยังมีการประชุมทีมผู้บริหารแบบ 3 วัน 3 คืน เพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์ในการเดินหน้าธุรกิจ ภายใต้ตรีมหลัก “2023 ก้าวย่างสู่ความยั่งยืน” พร้อมทั้งเร่งผลักดันหุ้นบริษัทเข้าสู่กลุ่มของหุ้นยั่งยืน - Thailand Sustainability Investment (THSI) ซึ่งมีแผนจะเข้ากลางปี 2566 และน่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในสิ้นปี 2566

 

“จริงๆ เรามีแผนจะเข้า Dow Jones Sustainability Index : DJSI ซึ่งเป็นหุ้นความยั่งยืนระดับโลก แต่ติดเงื่อนไขที่จะต้องมีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 500 ล้านยูเอสดอลล่าร์ ซึ่งมันค่อนข้างสูง เราเลยไปตามแผนระยะใกล้ก่อน คือการเข้า THSI ซึ่งมันก็ต้องประกอบด้วย เรื่องของ ESG การดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล”
 

ผู้นำ PRINC ประกาศแผน 2023 ก้าวย่าง ‘สู่ความยั่งยืน’

ซีอีโอ PRINC เล่าว่า PRINC มี ทีวีบูรพา เป็นบริษัทในเครือที่คอยช่วยให้คำปรึกษาในการเข้าสู่หุ้น THSI และขณะนี้หลายๆ โรงพยาบาลของ PRINC ก็ดำเนินการเรื่องการประหยัดพลังงาน โดยเริ่มติดตั้งโซล่ารูฟท็อปแล้วคือ ที่สกลนคร และจะขยายต่อไปที่ศรีสะเกษ และอุตรดิตถ์ ซึ่งจะทยอยติดตั้งไปเรื่อยๆ จนครบทุกโรงพยาบาล


นอกจากนี้ PRINC ยังทำเรื่อง NET ZERO และปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อช่วยในการบริหารจัดการพลังงานทั้งในปีหน้าและปีถัดๆ ไปให้ดีขึ้น
 รวมถึงมีการใช้ Circular Economy หรือ Circular Product ต่างๆ มีการนำขยะที่เป็นของเหลือใช้ หรือของเสีย (waste) ในโรงพยาบาล มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำกลับไปใช้ใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากนอย่างคุ้มค่า เช่น ชุดยูนิฟอร์มพยาบาล ที่ผลิตจากขวดพลาสติก 15 ขวด และยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ทำร่วมกับชุมชนต่างๆ ที่ PRINC เปิดให้บริการ และยัังลงพื้นที่ศึกษาสิ่งของที่อาจนำมาต่อยอดการใช้งาน เช่น ล่าสุดที่ลงไปสกลนคร ไปดูพวกผ้าคราม ที่สามารถเอามาประดิษฐ์หรือใช้ทำเป็นถุงยา
 

“ธานี” พูดถึงการเดินหน้าแผนความยั่งยืนของ PRINC ที่ทุ่มเทและพัฒนาเต็มที่ โดยมีคณะกรรมการ และตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน ขึ้นมากำหนดกลยุทธ์และติดตามการดำเนินงานอย่างจริงจัง
 

“เรื่อง THSI คือต้องเสร็จสิ้นภายในปลายปีหน้า และเรายังมีแผนเรื่อง NET ZERO ที่ต้องทำต่อเนื่อง อย่างเรื่องคาร์บอนเครดิต เราซื้อปีนี้ปีแรก ขณะเดียวกัน เราก็พยายามศึกษา ดูการใช้พลังงานของเราว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ทำแผน โดยจะพยายามทำให้ไม่ต้องซื้อคาร์บอนเครดิตไปทุกๆ ปี แต่จะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตัวเราเองให้มากที่สุด”
 

ผู้บริหาร PRINC บอกว่า ขณะนี้การลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ๆ จะเริ่มตั้งแต่การวางแผน ออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การลดใช้พลังงาน มีการใข้แรงงานอย่างถูกต้อง ซึ่งแผนเหล่านี้ จะปรับไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุด
 

เรื่องของความยั่งยืน เป็นแนวทางที่ “ดร.สาธิต” มุ่งเน้นขับเคลื่อนและปรับโครงสร้างธุรกิจมุ่งสู่การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคม (Creating shared value: CSV) แบบเต็มตัวตั้งแต่ปี 2563 “ธานี” เล่าว่า การดำเนินงานที่ผ่านมา ถือเป็นที่ยอมรับจากนักลงทุน ซึ่งเห็นได้จากการที่ IFC สถาบันการเงินระหว่างประเทศ ของเวิลด์แบงก์ ได้ร่วมลงทุนกับ PRINC ใช้งบ 540 ล้านบาท ร่วมลงทุนในโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร ตั้งแต่ปี 2563
 

ส่วนแผนขยายงาน แน่นอนว่าทุกอย่างเดินหน้าเต็มที่ โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเมืองรองต่างๆ รวม 13 แห่ง มีแผนที่จะขยายให้ครบ 20 แห่ง ภายใน 2 ปี และจะพัฒนาเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลที่มีอยู่ให้มีบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการขยายคลินิกชุมชนอบอุ่น ที่ปัจจุบันมี 17 แห่ง และกำลังขยายไปเป็น 34 แห่ง ควบคู่กับการขยายศูนย์ดูแลความงามและดูแลผิวพรรณ ชื่อ ผิวดีคลินิก ที่เปิดให้บริการตามศูนย์การค้าต่างๆ จะต่อยอดไปสู่ Wellness Anti Aging ต่อไป
  ผู้นำ PRINC ประกาศแผน 2023 ก้าวย่าง ‘สู่ความยั่งยืน’

“ธานี” ปิดท้ายถึงผลการดำเนินงาน ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี 2565 สร้างรายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท เติบโตสูงถึง 60.5% เพราะปีนี้การเติบโตมาจากการเริ่มกลับเข้ามาใช้บริการปกติของคนทั่วไป รวมถึงเป็นตัวเลขการเข้าใช้บริการของผู้ป่วยโควิดในช่วงที่ผ่านมาด้วย เป้าหมายในปีหน้า ขอยืนให้ได้ระดับเดียวกับปี 2565 หรือโต 3-5% ก็ถือว่าโอเคแล้ว 

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,838 วันที่ 24 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565