ผ่าอาณาจักรนม "ซีพี-เมจิ" l โอฬาร สุขเกษม

28 ม.ค. 2559 | 11:12 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2566 | 11:26 น.
5.4 k

วันที่ 21 มกราคม 2559 เวลาเกือบ 5 โมงเย็น ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด  ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ของประเทศไทย  สำนักงานใหญ่ของบริษัทอยู่บนชั้นที่ 30 ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ถนนรัชดาภิเษกตัดกับถนนพระราม 9 

ที่ทำงานสะอาดสะอ้าน ห้องรับแขกอยู่ติดกับห้องประชุมผนังกระจกโปร่งแต่ตีเส้นทึบสลับ 2 ห้อง  มองเห็นคนนั่งประชุมกันได้ บริเวณด้านหน้าห้องประชุมปิดข้อความไว้ว่า “ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าที่ประชุม” แต่เมื่อมองเข้าไปก็เห็นคนในนั้นหยิบขนมซอง  จิบน้ำชนิดตั้งใจ สงสัยจะทดลองชิมสูตรใหม่อยู่กระมัง เมื่อผมได้พบปะกับคุณสุจริตแล้ว บอกผมว่าได้เข้ามาทำงานที่นี่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไร้ร่องรอยความกังวลใดๆ ทั้งสิ้นทั้งๆ ที่เพิ่งจะเดินออกจากห้องประชุมอีกห้องมา

การพูดคุยกันก็เริ่มขึ้นโดยคุณสุจริตเล่าให้ฟังว่า ปี 2558 ที่ผ่านมาตลาดนมในไทยมีการแข่งขันกันสูงมาก มีการลดราคาสินค้าลงเพื่อแย่งมาร์เก็ตแชร์มากขึ้นในสมรภูมิห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ ทำให้บริษัทต้องหาทางขยายตลาดด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆ โดยไม่ต้องขายลดราคา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ได้ออกสินค้า “ไฮโปรตีน”  2 สูตร คือ สูตรเวย์และสูตร สูตรแอลคาร์นิทีน ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีนที่นอกเหนือไปจากแคลเซียมที่มีอยู่ในน้ำนมอยู่แล้ว รวมไปจนถึงออกโยเกิร์ตคงตัวแบบถ้วย “เมจิ บัลแกเรีย” ซึ่งใช้จุลินทรีย์มรดกของประเทศบัลแกเรียโดยเฉพาะ และเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่ใช้จุลินทรีย์ชนิดแท้และดั้งเดิมอย่างนี้ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทมีเพิ่มสูงขึ้น

ไตรมาสแรกของปีนี้เราออก 2 ตัวนี้ ครับ คุณสุจริตพูดพร้อมกับชูผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งนำสู่ท้องตลาด   เป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่มระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “เมจิ บัลแกเรีย” เช่นกัน บอกว่ามีรสกลมกล่อมกับรสไวลด์ เบอร์รี่  ขนาดบรรจุ 140 มล. ราคาขายขวดละ 20 บาท มีวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา และไตรมาส 2-4 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกตลาดเพิ่มขึ้นไตรมาสละ 1 ตัวเป็นอย่างน้อย เรามองไปที่นมอินโนเวชั่นมากกว่า เรามุ่งเน้นการออกสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ที่ผู้บริโภคเมืองไทยยังไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในตลาดต่างประเทศมีผู้ผลิตและจำหน่ายบ้างแล้ว ก็อย่างที่ทำมาแล้วคือ “ไฮโปรตีน” ที่เรามาผลิตในประเทศไทย นมปรกติมีแคลเซียมอยู่แล้วเป็นเรื่องปรกติ เราไปมอง “ฟังซ์ชั่นนัล เบเนฟิต” ว่าช่วยเสริมอะไรบ้าง อย่างเช่น เราใส่ตัว “โปรเรท” เข้าไปเพื่อช่วยระบบการหมุนเวียนของโลหิต ซึ่งอย่างนี้เหมาะสำหรับสุภาพสตรี หรือนมที่ใส่สูตรเพื่อช่วยระบบไขข้อ หรือนมที่ช่วยให้ฟันไม่ผุ มีหลายอย่างที่ต่างประเทศมีแล้วเราน่าจะมีได้ด้วย นี่เป็นนวัตกรรมที่จะต้องเพิ่มเข้ามานอกเหนือไปจากนมมีแคลเซียมเป็นของสามัญเท่านั้น

วัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์เรามาจากน้ำนมโคสดจากเกษตรกรในประเทศ นี่เป็นแนวทางที่เราต้องเดิน เกษตรกรโคนมในประเทศไทยถือว่าเป็นอาชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องของการพัฒนาเกษตรกรโคนมให้เขามีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในเรื่องของการเลี้ยงวัวนม ให้เขาเลี้ยงวัวอย่างไรให้วัวนมมีนมออกมามีคุณภาพดี มีปริมาณมาก สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องช่วยกันพัฒนาให้มาก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน ไม่ใช่ประเทศเมืองหนาวอย่างประเทศในยุโรปที่วัวตัวโต หรือทางซีกโลกใต้ และให้นมในปริมาณเยอะมาก มีคุณค่าทางไขมันเยอะกว่า

ด้วยเหตุนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาสายพันธุ์วัว ให้เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพภูมิอากาศในไทยได้ และที่สำคัญต้องเป็นสายพันธุ์ที่ต้องให้นมเยอะด้วยเหมือนกัน  เพราะไม่เช่นนั้นการเลี้ยงวัวของเกษตรกรชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่แต่ละครัวเรือนจะเลี้ยงวันครัวเรือนละ 5-10 ตัว การซึ่งต้องเลี้ยงวัวและต้องหารายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัวจึงต้องเป็นรายได้ที่ได้เยอะพอสมควรไม่เช่นนั้นเขาก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นวัน 5-10 ตัวได้ให้ปริมาณน้ำนมดิบที่เยอะพอ เวลาไปขายตามราคาที่กรมปศุสัตว์ได้วางไว้นี้เขาสามารถที่จะอยู่ได้ สิ่งนี้ที่สำคัญคือเราต้องช่วยกันพัฒนาวิธีการเลี้ยงวันที่ทำให้ได้น้ำนมที่มีคุณภาพดีมีปริมาณน้ำนมมากพอ

เรื่องสินค้าของเราก็ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย ในขณะเดียวกันเราต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี หมายความว่าหากเกษตรกรไม่ได้รับการพัฒนาที่ดี เราก็ไม่มีวัตถุดิบที่ดีนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์นม เพราะฉะนั้นต้องเริ่มจากฐานเลย สิ่งที่เราทำมาตลอดเราก็ทำโครงการกับเกษตรกร อาทิ ปีที่แล้วเราทำโครงการเขียนเรียงความเรื่อง อาชีพพระราชทาน โดยลูกหลานเกษตรกรส่งเรียงความเข้ามาแล้วเราก็ให้คะแนน คนที่ชนะเราก็ให้ทุนการศึกษา อีกส่วนหนึ่งที่เราทำคือเรามีโรงจำลองการผลิตนมอยู่ที่สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร เราเชิญลูกหลานเกษตรกรเข้ามาเยี่ยมชมโรงงานจำลองของเรา เพื่อเปิดหูเปิดตาลูกหลานเกษตรกรเหล่านั้น

เราซื้อนมทั้งจากศูนย์และรับซื้อตรงจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เราทำสัญญา MOU ไว้ประมาณ 306 ตัน/วัน และทำสัญญาไว้ทุกๆ ปีเพื่อรับซื้อน้ำนมดิบ โดยรับซื้อนมจากทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ โรงงานของเราที่อยู่ในจังหวัดสระบุรี น้ำนมดิบในไทยปีหนึ่งผลิตได้เฉลี่ยประมาณวันละ 3,000 ตัน/วัน เรากลายเป็นผู้ซื้อนมรายใหญ่อันดับ 3 ของไทย

ทีมสัตวบาลของเราจะลงพื้นที่ไปเยี่ยมฟาร์มแต่ละแห่ง ไปดูวิธีที่เขาเลี้ยงวัว วิธีรีดนมวัว ไปดูความเป็นอยู่ของเขาด้วยว่าเขาอยู่ได้หรือเปล่า หน้าที่ของเราคือว่า คู่ค้าของเราต้องอยู่ได้ด้วย ต้องวิน-วินทั้งคู่ เรื่องที่ลงไปหาเกษตรกรเป็นเรื่องที่เราต้องทำ และตอนนี้เรามีทีมสัตวบาลเพื่อการนี้เกือบสิบคนแล้วที่จะลงไปช่วยกันดูแล มีอุปกรณ์ในการที่จะเอาไปช่วยรักษาวัว มีอุปกรณ์อุลตร้าซาวน์ไปดูว่าแม่วัวท้องแล้วลูกในท้องเป็นอย่างไร เขาต้องดูแลแม่วัวอย่างไร

เรามีทีมสัตวบาลเข้าไปดูแลเกษตรกร เป็นวิธีการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ไปสอนวิธีการรีดนมวัว การล้างอุปกรณ์รีดนมวัว สอนวิธีการขนถ่ายจากภาชนะรีดนมวัวเอาเข้าไปเก็บไว้ในภาชนะที่ควบคุมอุณหภูมิ ต้องทราบว่าต้องมีอุณหภูมิกี่องศา เพื่อที่จะให้นมมีคุณภาพดี เชื้อแบคทีเรียจะได้ไม่โต การจัดเก็บที่ถูกต้องอุณหภูมิถูกต้องทำให้น้ำนมมีคุณภาพดี และรสชาติไม่เสียไป ความสดจะได้ จากตรงนี้จะต้องขนส่งนำไปใส่รถคันใหญ่ๆ เขาต้องทราบวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไร ถ้าไม่มีการควบคุมอุณหภูมิและทำไม่ถูกวิธีนมก็จะเสีย  คนที่ดูแลรถขนส่งน้ำนมดิบเขาก็ต้องทราบวิธีการในขั้นต่อไปด้วย เพื่อคงคุณภาพน้ำนมดิบเอาไว้เช่นกัน เรียกว่าเราเข้าไปดูแลทุกขั้นตอนก่อนเข้าโรงผลิต ส่วนของโรงงานนั้นเราทำด้วยมาตรฐานสูงอยู่แล้ว

ด้านราคารับซื้อน้ำนมดิบนั้น ตอนนี้เพิ่งปรับราคาขึ้นไปจาก 18 บาท/กิโลกรัม เป็น 19 บาท/กิโลกรัม และขณะนี้ปรับขึ้นมาเป็น 19.30 บาท/กิโลกรัมแล้ว  ราคาเท่านี้เกษตรกรจะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งเราลงไปดูแล้วก็น่าจะอยู่ได้ครับ เพียงแต่ว่าภายในอนาคตเราต้องกลับมาดูสายพันธุ์วัว ต้องพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ก็อาจมีการลงทุนเพิ่ม ก็เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาช่วยกันดูแล เราก็พร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่แล้วเพราะเกษตรกรเป็นต้นทางของเราหรือเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ เมื่อปรับราคาน้ำนมดิบขึ้นไปแล้วเราก็ต้องการให้พิจารณาปรับราคาขายปลีกให้เราด้วยเหมือนกัน เพราะเรายินดีที่จะรับซื้อจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น แต่ก็ควรจะให้เราปรับราคาขายปลีกขึ้นไปด้วย ซึ่งกรมการค้าภายในเป็นผู้พิจารณาอนุมัติราคานมพาสเจอร์ไรซ์ โดยประกาศราคาเพดานของน้ำนมเพื่อควบคุมราคาจำหน่ายเอาไว้ แต่ก็ยกเว้นหากเป็นโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวจะไม่คุมราคา แต่ผู้ผลิตต้องแจ้งราคาให้กรมการค้าภายในทราบด้วย

ผลิตภัณฑ์ของเรามีหลากหลายคุณประโยชน์ เช่น สุภาพสตรี จะมีบางผลิตภัณฑ์ที่เหมาะจะดื่ม เพราะมีตัวเพิ่มไขมันนมเพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่เพิ่งจะหายจากไข้ จะช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาเร็วขึ้น ส่วนในเรื่องที่เป็นไฮแคลเซียมจะไปช่วยเสริมกระดูก เป็นต้น

ปีที่แล้วเราตั้งเป้าไว้ 8,000 ล้านบาท ทำจริงๆ ได้ 7,600 ล้านบาท โดย 80 % เป็นยอดขายภายในประเทศ และอีก 20 % เป็นยอดขายส่งออก  แม้ยอดขายจะทำได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ แต่ก็มีอัตราการเติบโตกว่า 10 %  ก็ถือว่าตอนรับกับสิ่งที่เราทำ เพราะว่าปีที่แล้วเราไม่เน้นการลดราคาแข่ง เวลาแข่งขันราคาเขาจะลดราคากันหนักมาก  ซึ่งตลาดนมนี้มีการแข่งขันกันสูง เวลานำสินค้าเข้าห้างหรือเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เช่น เข้าร้านเซเว่นอีเลฟเวนทำแสตมป์ หนึ่งแกลลอน 6 บาท ด้วยความที่กำไรเราน้อยมากอยู่แล้วถ้าเราทำไปเราก็ขาดทุนทุกหน่วยที่ขาย บางทีเราก็ต้องดูด้วยว่าเราจำเป็นแค่ไหนที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ด้วยการลดราคาลงไป เรื่องนี้เราต้องดูจังหวะให้ดี ด้วยเหตุนี้ปีที่แล้วนมของเราจึงไม่เข้าไปแข่งขันด้วยการลดราคา

ปีที่แล้วเราทำยอดขายได้แม้ไม่ถึงเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท แต่เราก็ทำให้ยอดการขายเพิ่มขึ้นได้ดี คือ เติบโตมากกว่าเดิม 10 %  ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 ตัว ซึ่งย้อนหลังไปช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาบริษัทเราเติบโตขึ้นปีละประมาณ 15 %  เราไม่ได้แข่งราคาแต่เราแข่งที่นวัตกรรม เราออกไฮโปรตีนมา 2 ตัวเมื่อปีที่แล้ว และเป็นเจ้าแรกในไทยที่นำเอาโปรตีนมาเกี่ยวกับนม ในอนาคตเราก็จะเดินตามแนวทางนี้ไปเรื่อยๆ สินค้าทุกตัวของเราเป็นผลิตภัณฑ์พาสเจอร์ไรซ์ทั้งหมด

บริษัท เมจิ แดรี่ส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับโลก บริษัทนี้เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับเราเขาเป็นผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรซ์มาร้อยกว่าปีมาแล้ว เขามีเทคโนโลยี่ในการผลิตสินค้ามาตรฐานสูง และรสชาติดี นี่เป็นข้อได้เปรียบของเรา

ยอดขายโดยรวมของตลาดทั้งพาสเจอร์ไรท์ทั้งนมสด UHTและอื่นๆ  เมื่อ 5 ปีที่แล้วมีประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วคงมีประมาณ 27,000 ล้านบาท ถือว่ายอดขายเติบโตดีมาก เพราะคนไทยทุกวันนี้นิยมดูแลสุขภาพของตนเองเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลก็สนับสนุน นมโรงเรียนก็ช่วยให้คนไทยคุ้นเคยกับการบริโภคนม เรามีมาร์เก็ตแชร์นมพาสเจอร์ไรซ์ในไทยอยู่ 54 %

ปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ 8,500 ล้านบาท เป้าใหม่นี้ก็ไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะว่าสินค้านวัตกรรมจะนำพาเราไปสู่เป้าหมายได้ อย่างเช่นปีนี้เราออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ตัว และไตรมาสที่ 2 ออกเพิ่มอีก 1 ตัว และไตรมาส 3 และ 4 ไตรมาสละ 1 ตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว จะช่วยผลักดันให้ยอดขายของเราไปถึงหรือไม่ก็ใกล้เคียง  นอกจากนี้เราขยายตลาดเพิ่มเติมในต่างประเทศด้วยไม่ใช่ขายเฉพาะในประเทศเท่านั้น ปีที่แล้วยอดขายส่งออกประมาณ 20 % แต่ปี 2559 เราตั้งเป้าขายส่งออกประมาณ 25 % โดยยอดขายส่งออกใน 20 % ของยอดขายรวมนั้น 80 % เป็นการขายในประเทศสิงคโปร์ ที่เหลือเป็นประเทศอื่นๆ

เรามีสินค้าไปจำหน่ายในสิงคโปร์ และสามารถขยายตลาดเพิ่มได้อีก  ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้มาก เพราะประเทศที่เราส่งออกเขามีวัฒนธรรมในการดื่มนมทุกวันอยู่แล้ว เราส่งผลิตภัณฑ์ไปขายเกือบทุกชนิดที่เรามี แต่ความนิยมของตลาดของเขาอาจแตกต่างกับไทย อาทิ สิงคโปร์นิยมรับประทานโยเกิร์ตรสมะม่วง โยเกิร์ตรสว่านหางจระเข้ เป็นต้น แต่คนไทยนิยมพักเดียวแต่สิงคโปร์ยังนิยมบริโภคอยู่ เราเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดพาสเจอร์ไรซ์ในสิงคโปร์ เรามีมาร์เก็ตแชร์ 40 % ในตลาดนี้ ขณะที่ตลาดแห่งนี้มีสินค้ามาตรฐานจากทั่วโลกเข้ามาแข่งขัน ทั้งผลิตจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับเรา

บริษัทตั้งมาได้ 26 ปีแล้ว เราขยายโรงงานปี 2555 สร้างโรงงานส่วนที่ผลิตนมโยเกิร์ตให้ใหญ่ขึ้น เพราะเทรนของโลกไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เขาจะดื่มโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวเยอะมากขึ้น ความแตกต่างของการบริโภคระหว่างชาวต่างประเทศกับไทยก็ตรงที่ สิ่งคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่นจะดื่มนมน้อยกว่า ขณะที่คนไทยนิยมดื่มนมมากกว่า

โยเกิร์ตเราเป็นที่ 2 ในตลาดในไทย ทั้งขวดทรงกลมโยเกิร์ตธรรมดาทั่วไป และถ้วยเหลี่ยมโยเกิร์ตคงตัว  นมเปรี้ยวเรามีมาร์เก็ตแชร์เป็นที่ 4 ที่ 5 ขณะที่ยี่ห้อเมจิที่ญี่ปุ่นเป็นเบอร์หนึ่งในผลิตภัณฑ์นมทุกประเภทเลยทีเดียว

โยเกิร์ตตราบัลแกเรียเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้จุลลินทรีย์แบคทีเรีย แล็กโทบาซินลัส บัลแกริคัส (LB) จุลินทรีย์ตัวนี้มาจากประเทศบัลแกเรีย เราต้องไปซื้อลิขสิทธิ์จากบัลแกเรีย และใช้ชื่อประเทศในตัวสินค้า ซึ่งต้องขออนุญาตประเทศเขา ตัว LB 81 ถูกค้นพบที่บัลแกเรียมา 2,500 ปีแล้ว จุลลินทรีย์ตัวนี้ทำให้ผู้บริโภคมีอายุยืน ช่วยระบบการย่อยอาหารและช่วยระบบการขับถ่าย หลังจากค้นพบจุลินทรีย์นี้แล้วชาวรัสเซียนำไปวิจัยต่อและได้รับรางวัลโนเบล ประเทศบัลแกเรียให้จุลินทรีย์ตัวนี้เป็น 1 ใน 3 ที่เป็นสมบัติของชาติ อีก 2 อย่างก็คือ กุหลาบบัลแกเรีย และตัวอักษรโรมันของบัลแกเรียที่เขาใช้อยู่ เราติดต่อเขาถึง 3 ปีถึงได้มาทำและเป็นรายเดียวในประเทศที่ใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์แท้จากประเทศบัลแกเรียและได้รับคำรับรองจากรัฐบาลบัลแกเรียว่าเป็นโยเกิร์ตแท้ต้นตำรับ เมจิบัลแกเรียกล่อง 4 เหลี่ยมสีน้ำเงินเป็นธรรมชาติมากที่สุด เป็นออริจินัล ไม่ปนอะไรเลย

ภาพรวมตลาดนมในไทยมีประมาณ 27,000 ล้านบาทเมื่อปี 2558  และเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ  5.6 %  ตลาดนมพาสเจอร์ไรซ์มีประมาณ 7,000 ล้านบาท เรามีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 54 % ตลาดนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตพร้อมดื่มมีประมาณ 9,000 ล้านบาทเรามีส่วนแบ่งตลาด 5 %  ส่วนตลาดโยเกิร์ตถ้วยมีมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท เรามีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7 %  เรามีผลิตภัณฑ์ประมาณ 30 ชนิด

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์รายใหญ่ของประเทศไทย ถือกำเนิดจากการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กับ บริษัท เมจิ จำกัด ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับโลก

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 และเพิ่มการลงทุนขยายโรงงานมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาทเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2555  ทำให้เรามีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมในประเทศไทยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นเทียบเท่าระดับสากล เริ่มจากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพเยี่ยมจากธรรมชาติ สะอาด สดใหม่ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อส่งต่อคุณภาพความสด ใหม่ และคงคุณประโยชน์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไปยังผู้บริโภค ด้วยความพิถีพิถันและความใส่ใจที่ไม่เคยหยุดยั้ง ทำให้บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด สามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง ตลาดนมสดพาสเจอร์ไรส์ของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะ เวลากว่า 26  ปีที่ผ่านมา บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ยังคงสานต่อเจตนารมย์อันแรงกล้า ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลิตภัณฑ์นม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทั่วหน้า

วันนั้นเราใช้เวลาพูดคุยกัน 30 นาทีพอดี ทำให้รับรู้กับสิ่งที่เราคุ้นเคยกับ “เมจิ”และ “ซีพี” มากขึ้น ตลาดนมในไทยใหญ่มาก เพียง 5 ปี ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว มาอยู่ในระดับปีละ 27,000 ล้านบาทแล้ว ผมว่านมเปรี้ยว “ไพเกนโปร5” ก็น่าจะออกแรงเพิ่มเพื่อฝ่าด่านขึ้นมาให้ได้ เพราะนมเปรี้ยวตลาดใหญ่มาก สำหรับผมต้องกลับไปอ่านรายละเอียดหลังขวดหรือหลังกล่องใหม่ เพื่อค้นหาว่า คนปั่นจักรยานจะดื่มแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมที่สุด ครับ