วันนี้(วันที่ 15 มีนาคม 2568) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Heng On Tour ระบุว่า ผู้โดยสาร (ลูกทัวร์) เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก หยิบกระเป๋าเดินทางผิดใบ ตั้งแต่สนามบินสุราษฎร์ธานี ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ พอถึงสนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น จะเปิดกระเป๋าเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแปรงฟัน พบ กัญชา อบแห้ง 24 กิโลกรัม
ล่าสุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพกัญชาในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสาร ที่เดินทางจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเดินทางต่อไปยังปลายทางประเทศญี่ปุ่น
ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับประเด็น ผู้โดยสารชาวไทยที่เดินทางจาก
ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และ ได้เดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น
โดยเมื่อถึงท่าอากาศยานที่ประเทศญี่ปุ่น ผู้โดยสารพบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วพบกัญชาบรรจุอยู่ภายใน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบินส่งผลให้ผู้โดยสารเกิดปัญหาในการผ่านขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น นั้น
จากกรณีดังกล่าว สนามบินสุวรรณภูมิได้ตรวจสอบข้อมูลและขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. ผู้โดยสารดังกล่าว เดินทางภายในประเทศ มาจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ได้หยิบสัมภาระซึ่งมาจากเที่ยวบินดังกล่าวจากสายพานรับกระเป๋าภายในประเทศ (ซึ่งทราบภายหลังว่าไม่ใช่สัมภาระของตนเอง) จากนั้นได้ทำการเช็กอินและโหลดสัมภาระใบดังกล่าวออกเดินทาง ไปยังประเทศญี่ปุ่น
2. จากการตรวจสอบสัมภาระใบดังกล่าว พบชื่อเจ้าของสัมภาระเป็นผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งเบื้องต้นได้มาแสดงตนและติดตามสัมภาระใบดังกล่าวกับสายการบินที่เดินทางมาจากสุราษฎร์ธานีแล้ว
3. ผลการตรวจสอบตามมาตรการรักษาความปลอดภัยสัมภาระใบดังกล่าวนั้นอยู่ในสถานะ “Clear” คือ ไม่พบสารระเบิด สัมภาระใบดังกล่าวจึงผ่านการตรวจสอบและนำบรรทุกขึ้นอากาศยานต่อไป
4. การดำเนินการตรวจค้นสัมภาระที่บรรทุกไปกับอากาศยานหรือสัมภาระลงทะเบียน ตามกฎหมาย และ กฎ ระเบียบ และ ข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการนำอาวุธ วัตถุระเบิด หรือวัตถุที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการก่อการร้ายต่ออากาศยาน
โดย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิด (EDS) ในระบบการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง (Hold Baggage Screening System) ที่ถูกออกแบบตามมาตรฐาน ของ Transportation Security Administration (TSA) ของสหรัฐอเมริกา และ European Civil Aviation Conference (ECAC) ของสหภาพยุโรป และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย รวมทั้งผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานตรวจสอบทั้งในและนอกประเทศ
5. ทั้งนี้ สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ประชาสัมพันธ์แก่ผู้เดินทางบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางในการนำกัญชาเดินทางไปยังประเทศต่างๆ เนื่องจากหลายประเทศยังคงกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของแต่ละประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส) ภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดผ่านท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) โดยการปฏิบัติงานจากการได้รับการข่าว ทั้งให้การสนับสนุนข้อมูล การดำเนินการตรวจสอบร่วม ตลอดจนการเฝ้าระวังและติดตามผู้ต้องสงสัยร่วมกัน
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังประกอบด้วย กรมศุลกากร
และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนโครงการ
สนามบินสุวรรณภูมิดำเนินการด้านการรักษาความปลอดภัยตลอดจนการตรวจสอบสัมภาระตามแนวทางที่กำหนด โดยเน้นย้ำการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยานเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Heng On Tour” โพสต์ข้อความ “เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับลูกค้าและตัวเอง… เริ่มเรื่องลูกค้าไม่เคยเดินทางออกต่างประเทศแม้แต่ครั้งเดียว โดยลูกเป็นคนจัดการให้ ทั้งซื้อตั๋วสายการบินภายในประเทศ โดยเวียดเจ็ทแอร์ไลน์ จากสนามบินสุราษฎร์ธานี เดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ โดยโหลดกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบ สีดำและสีแดง
ปรากฏว่าหยิบกระเป๋าใบสีดำผิดมาโดยไม่ได้ตรวจเช็คว่ากระเป๋าถูกหรือไม่ เจ้าของตัวจริงกระเป๋าสีดำ ซึ่งเป็นฝรั่ง พอรู้ตัวว่าไม่มีกระเป๋าตัวเอง ก็ได้แจ้งสายการบิน ว่าเจอกระเป๋าสัมภาระเหลืออยู่ 1 ใบ ระหว่างนั้นสายการบินพยายามโทรศัพท์ตาม ไปยังเบอร์ที่ออกตั๋ว ปรากฏว่าลูกสาวไม่ได้พกโทรศัพท์ จึงไม่ได้รับสาย
ส่วนคุณแม่ คุณพ่อ ไม่ได้สังหรณ์ใจ หลังรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก็นั่งรออยู่ที่สนามสุวรรณภูมิเกือบ 4 ชั่วโมง โดยไม่ได้เปิดกระเป๋า เพราะคิดว่าเป็นกระเป๋าของตัวเอง พอถึงเวลา 19.30 น. ทีมผู้จัดทัวร์นัดหมาย โดยหลังจากรับลูกค้าเสร็จ ก็ติดแท็กสัมภาระและโหลดกระเป๋าสายการบินไทย เพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่นาริตะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อมาถึงสนามบินนาริตะ โตเกียว ได้ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย หัวหน้าทัวร์รับกระเป๋า สัมภาระและให้ลูกค้าเปิดกระเป๋า เพื่อล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ปรากฎว่า คุณพ่อคุณแม่ เปิดกระเป๋าไม่ได้ จึงโทรหาลูกสาว ทำให้รู้ว่า กระเป๋าใบสีดำ ไม่ใช่ของตัวเอง
หัวหน้าทัวร์จึงตรวจดูสติกเกอร์บาร์โค้ด พบว่าเป็นชื่อฝรั่ง ซึ่งหัวหน้าทัวร์สังหรณ์ใจ เลยอยากเปิดกระเป๋าดู จึงตัดสินใจปลดล็อคกระเป๋า โดยให้ลูกค้าถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ปรากฎว่า พบ กัญชาอบแห้ง 24 กิโลกรัม ซีลอัดแน่นอยู่ถุงพลาสติก ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบสีดำ
ต่อมา หัวหน้าทัวร์ รีบติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินนาริตะ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยใช้เครื่องแปลภาษาสื่อสาร พยายามอธิบายว่า ลูกทัวร์หยิบกระเป๋าผิดใบ มาจากสนามบินสุราษฎร์ธานี ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ จนมาถึงสนามบินาริตะ และพอเปิดกระเป๋าดู จึงพบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายอยู่
ทั้งนี้ หัวหน้าทัวร์ และลูกทัวร์ 2 คน ถูกสอบสวนยาว เช้ายันเย็น ตั้งแต่ 08.00-17.30น. น้ำไม่ได้ดื่มสักหยด ข้าวไม่ได้ทานซักเม็ด แต่สุดท้ายด้วยความบริสุทธิ์ใจในการสำแดงสิ่งของทำให้ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ลูกค้าและหัวหน้าทัวร์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือตั้งใจนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้าประเทศญี่ปุ่น
หัวหน้าทัวร์ และลูกค้าทั้ง 2 คน ผ่านเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อย่างปลอดภัย ในเวลา 17.50น.
ผู้โพสต์ ยังระบุเพิ่มว่า ความประมาทเลินเล่อ ความไม่ใส่ใจ อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจจะบานปลายไปกว่านี้ได้ ดีที่วันนี้แก้ไขปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดี ส่วนคณะที่เหลือท่องเที่ยวได้ตามปกติ
พร้อมฝากคำถามทิ้งไว้กับกฎหมายประเทศไทยและการตรวจของการท่าอากาศยาน “กัญชา 24 กิโล สามารถผ่านสนามบินสุราษฎร์ มาลงสุวรรณภูมิได้โดยไม่มีการตรวจสอบนี่หรือมาตรฐานประเทศไทย”