“ปนิษฐา บุรี”หญิงแกร่งคนไทยคนแรก นั่งประธานสมาคมแสดงสินค้าโลก “UFI”

09 มี.ค. 2568 | 10:47 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2568 | 10:47 น.

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการไมซ์ไทย เมื่อล่าสุด “ปนิษฐา บุรี” ได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้ประธานสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI)ทั้งยังเป็นคนไทยคนแรก และผู้หญิงคนที่ 3 ของโลก ที่ได้รับตำแหน่งนี้ สะท้อนศักยภาพและการยอมรับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในเวทีโลก

“ปนิษฐา บุรี”คนไทยคนแรกนั่งประธานสมาคมแสดงสินค้าโลก “UFI”

ปนิษฐา บุรี” ประธานสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI The Global Association of the Exhibition Industry) และนายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA เปิดใจว่า การได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน UFI ซึ่งจะเริ่มเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ นับว่าเป็นความภูมิใจ และจากการทำงานที่เกิดขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เกิดการยอมรับในเวทีโลกว่าไทยเป็นหมุดหมายสำคัญด้านเอ็กซิบิชั่น 

ปนิษฐา บุรี

UFI มีสมาชิกที่เป็นทั้งออร์แกนไนเซอร์ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงานรวมกว่าพันรายทั่วโลก มีอายุกว่า 100 ปี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

การได้รับตำแหน่งนี้ถือเป็น Life Changing เพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากในการได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับ CEO จากทั่วโลก เป็นประสบการณ์ที่มีค่าในการเรียนรู้ และพัฒนาวงการไมซ์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

นโยบายหลักในการขับเคลื่อน UFI จะเน้นทำให้องค์กรเดินหน้าต่อไปอีกใน 100 ปีข้างหน้า การสร้าง Community Engagement เชื่อมโยงสมาชิกทั่วโลก พร้อมผลักดันการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย การใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มและโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงสมาชิกได้ดียิ่งขึ้น

สมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI)

การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ นำเสนอไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น AI มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้ เป็นต้น

อุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) ทั่วโลก ปี 2568 เติบโตราว 5-7%

ในด้านภาพรวมสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA จะเห็นว่าในปี 2568 อุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) ทั่วโลก ยังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะขยายตัวราว 5-7% ต่อปี ด้วยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท) สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 

รวมถึงการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะถูกนำมาใช้เพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงาน และผู้แสดงสินค้า โดยเอเชียจะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และการปรับตัวทางดิจิทัล

ทำให้เกิดความสะดวกในการจัดงาน เช่น ใน จีน และ อินเดีย ส่งผลให้ตลาดงานแสดงสินค้าในภูมิภาคนี้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิต

เอ็กซิบิชั่นไทยเติบโตราว 6-8%

 

ในส่วนของ Exhibitionไทยยังคงเติบโตจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป เกิดการขยายตลาดมาเอเชีย รวมถึงฮ่องกงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเอ็กซิบิชั่นของเอเชีย มีปัญหาภายใน และที่สำคัญที่สุดคือนโยบายของรัฐบาลไทยในการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า ส่งผลให้งานกลุ่มไมซ์กำลังเติบโตอย่างชัดเจนในด้านการท่องเที่ยวและการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ 

ในปีที่ผ่านมาจากสถิติของสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ(ทีเส็บ) พบว่า จำนวนงานแสดงสินค้านานาชาติ B2B มีกว่า 145 งาน ผู้ร่วมงานต่างชาติ 358,645 ราย  สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ประเทศ 54,275 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 งานแสดงสินค้าจะเติบโตราว 6-8% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเติบโตในตลาดใหม่ และตลาดในเอเชียจะช่วยกระตุ้นการจัดงานแสดงสินค้ามากขึ้น 

“ปนิษฐา บุรี”หญิงแกร่งคนไทยคนแรก นั่งประธานสมาคมแสดงสินค้าโลก “UFI”

อีกทั้งในปีนี้จะเห็นว่าผู้จัดงานแสดงสินค้าและผู้แสดงสินค้าจะมีการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่ล้ำสมัยและเชื่อมโยงผู้เข้าชมจากทั่วโลกเข้าสู่โลกเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายกลุ่มผู้เข้าร่วมงานจากทั่วทุกมุมโลก

นอกจากนี้การใช้ แพลตฟอร์มดิจิทัล สำหรับการจับคู่ธุรกิจ (Business Matchmaking) จะทำให้การเจรจาธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่แนวโน้มอนาคตงานแสดงสินค้า จะเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อาทิ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่มีการใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ เช่น 5G, IoT และ Cloud Computing การขนส่งและโลจิสติกส์

โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าทางด้าน ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) และโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart Logistics) อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่มุ่งเน้นในเรื่องของพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน

ทั้งนี้งานแสดงสินค้าจะกลายเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ๆในธุรกิจ เนื่องจากงานแสดงสินค้าจะกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ในการเชื่อมโยง ผู้ซื้อและผู้ขาย จากทั่วโลก โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ นวัตกรรม ที่สามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ

การเปิดโอกาสให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) มีพื้นที่แสดงสินค้าของตน และการสร้าง โอกาสการลงทุน ผ่านการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

นวัตกรรม-ความยั่งยืน เทรนด์ผู้จัดงานแสดงสินค้าไทยต้องพร้อมรับมือ

สำหรับบทบาทของสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA ในปีนี้ก็ยังคงให้ความสำคัญกับ“Regenerative Exhibitions” หรือการจัดงานแสดงสินค้า ฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน เป็นเทรนด์สำคัญอีกอย่างที่ผู้จัดงานจะต้องเตรียมพร้อม คือ sustainability (ความยั่งยืน) ยกระดับเป็น Regenerative Exhibitions (การจัดงานฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน)

เนื่องจากลูกค้าจากยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ประเทศไทยในฐานะเป้าหมายศูนย์กลางการจัดงานของเอเชีย ต้องพร้อมต้อนรับและสนองต่อเทรนด์ความต้องการของบริษัทใหญ่ๆ จากทั่วโลก ซึ่งเราต้องให้ความรู้แก่ผู้จัดงานให้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ โดยมุ่งส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าที่มีความยั่งยืน โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนธุรกิจสีเขียว และส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

รวมถึงการมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้า ผ่านการใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมส่งเสริมการจัดงานที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาการแข่งขันในระดับสากล

โดยสมาคมฯ จะส่งเสริมและพัฒนาสมาชิก ด้วยให้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AR/VR, Big Data, AI มาปรับใช้ในการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าร่วม และช่วยให้ผู้แสดงสินค้าสามารถนำเสนอสินค้าในรูปแบบที่น่าสนใจและทันสมัยยิ่งขึ้น 

การพัฒนาอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าผ่านนวัตกรรม และความร่วมมือจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

Thailand MICE X-Change 2025

ล่าสุดสมาคมฯเตรียมงาน Thailand MICE X-Change 2025 (TMX25) งานแสดงผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมสำหรับการแสดงสินค้าและการจัดประชุม วันที่ 2-3 เมษายนนี้ ณ พารากอน ฮอลล์ ซึ่งจะช่วยให้ Exhibitors (ผู้ร่วมแสดงสินค้า) สร้างโอกาสในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจ 

โดยปีนี้จัดงานภายใต้ธีม “NEXHIBITION”  นำเสนอเทรนด์เทคโนโลยีและการบริการ ในงานแสดงสินค้ายุคดิจิทัล นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมในรูปแบบที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในงานแสดงสินค้า และเปิดประตูสู่การขยายตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศให้กับผู้จัดแสดงสินค้า เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

อีกทั้งสมาคมฯ ยังเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันการจัดงานที่มีคุณภาพ อาทิ  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) และสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน เป็นต้น

ทั้งนี้เพื่อขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสนับสนุนสมาชิก และผู้ประกอบการไทย ให้สร้างเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ การสัมมนาอบรม และการพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,075 วันที่ 2 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2568