ไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์น้ำอัดลมชื่อดังระดับโลก “เป๊ปซี่” สินค้าลูกหม้อ “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” มวยรองตลาดน้ำดำที่กินส่วนแบ่งการตลาด 39.1% เป็นรองแชมป์อย่าง “โค้ก” ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 51% สำหรับสมรภูมิตลาดน้ำอัดลมซึ่งมีมูลค่ากว่า 6.6 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นสนามรบที่ไม่มีใครยอมใคร
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้ แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ประกาศความสำเร็จตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2% โตกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2 เท่า พร้อมสานต่อกลยุทธ์ “Must Win”
ในปี 2568 ประกาศแผนขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ในปี 2568 ครอบคลุม 4 กลุ่มเครื่องดื่มหลัก ได้แก่ ชาพร้อมดื่ม, กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม, เครื่องดื่มให้พลังงาน และน้ำอัดลม รวม 10 แบรนด์ดัง อาทิ Pepsi, Mirinda, Lipton, Aquafina, TEA+, BOSS Coffee, Rockstar ,สตริงค์ และ Gatorade
โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีสินค้าใหม่ที่ออกจำหน่ายในตลาดราว 8 สินค้า เพื่อเสริมแกร่งตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชาและกาแฟพร้อมดื่ม ขยายการเติบโตในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน ผสานนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ เติมเต็มความสนุกให้ผู้บริโภคยุคใหม่ผ่านแคมเปญการตลาด เน้นเชื่อมต่อผู้บริโภคด้วยประสบการณ์อินเทอร์แอคทีฟและคอนเทนต์โดนใจ
นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง และเรายังเป็นเจ้าแรกที่เริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (rPET) ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตอบสนองเทรนด์รักษ์โลก สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี โดยมีกลยุทธ์ ‘Must Win’ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
ทางด้าน นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดน้ำอัดลม ซึ่งมีการเติบโต 2.7% นั้น เป๊ปซี่โคฯ มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก (Strengthen Core) โดยเฉพาะการส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ๆ ในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาลออกสู่ตลาด ซึ่งส่งผลให้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลมีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการขยายพอร์ตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเติบโตถึง 5 เท่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
พร้อมเร่งเครื่องขยายไลน์การผลิต ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ขยายโรงงานที่สระบุรี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าใหม่ และสินค้าเดิมเพิ่มมากขึ้น โดยมีสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถผลิตเครื่องดื่มได้เฉลี่ย 1,300 ล้านลิตรต่อปี ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้น้ำเพียง 1.40 ลิตรต่อการผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตร นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการ ‘มิซุอิกุ’ (Mizuiku) ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน
"กลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ มาจากการเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเทรนด์สำคัญ ได้แก่ การดูแลตัวเองมากขึ้น, การจัดการเวลา, รูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย, การประหยัด, การให้รางวัลตัวเอง, สุขภาพ และความยั่งยืน รวมถึงอิทธิพลของ AI"
สำหรับเทรนด์ตลาดเครื่องดื่มในปี 2568 คาดการณ์ว่าน้ำดำจะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 72% ของน้ำอัดลม, และวัดส่วนราว 38% เป็นของตลาดน้ำสี แต่ตลาดเครื่องดื่มโลว์ชูการ์จะเติบโตกว่าเครื่องดื่มทั่วไปถึง 3 เท่า กลุ่มกาแฟและชาพร้อมดื่มเติบโต 11% ในปี 2567 และกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงานพรีเมียมมีการเติบโตถึง 5 เท่า
ในส่วนของแบรนด์ "เป๊ปซี่" ซึ่งเป็นแบรนด์เรือธง ยังคงมีการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นการสร้าง Engagement กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น เป๊ปซี่รสบ๊วยญี่ปุ่น เพื่อเข้าถึงกลุ่ม Gen Z พร้อมทั้งมีกิจกรรมตลอดทั้งปีตั้งแต่ซัมเมอร์จนถึงสิ้นปี ส่วนแบรนด์อื่นๆ ในพอร์ต เช่น มิรินด้า และเซเว่นอัพ ก็เตรียมมีสินค้าใหม่ๆ ในปีนี้เช่นกัน
สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน "สติงค์" ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 2 ในกลุ่มโมเดิร์นเอนเนอร์จี้ ขณะที่ "เกเตอเรด" ก็เติบโตตามเทรนด์สปอร์ตเอนเนอร์จี้ ด้านกาแฟและชาพร้อมดื่ม "ลิปตัน" มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พร้อมทั้งมี "ทีพลัส" เป็นอีกทางเลือก และ "บอส คอฟฟี่" แบรนด์กาแฟพรีเมียมจากญี่ปุ่น ก็เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น กาแฟยุซุ เพื่อขยายฐานลูกค้า
“ในปี 2568 นี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Accelerate portfolio transformation) เสริมความแข็งแกร่งด้านการขายและซัพพลายเชน (Sharp Commercial and Supply Chain Capacity) เพิ่มขีดความสามารถการผลิต และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง รสชาติดี และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเราที่สำคัญ มุ่งส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความสามารถของบุคลากรอย่างแท้จริง (Build our performance-driven culture and talent) พร้อมสานต่อกลยุทธ์ ‘Must Win’ เพื่อก้าวสู่การเป็น ‘บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง’ (the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity)” นายทานุจ กล่าวทิ้งท้าย