วันนี้(วันที่ 7 มีนาคม 2568) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศแจ้งผู้โดยสาร ว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) หรือ Power Bank ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
ทั้งนี้ กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของท่าน
ทั้งนี้ผู้โดยสารยังสามารถนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ ตามความจุตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT หรือ กพท.กำหนดไว้
พาวเวอร์แบงก์ (Power Bank) หรือ แบตเตอรี่สำรอง มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการ เกิดความร้อนสูง (Thermal Runaway) และอาจระเบิดหรือลุกไหม้ได้หากเกิดความเสียหายหรือถูกใช้งานผิดวิธี และพาวเวอร์แบงก์ที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดอันตราย ได้แก่
อุณหภูมิและความดันอากาศที่แตกต่างจากภาคพื้นดิน อาจกระตุ้นให้แบตเตอรี่เกิดปฏิกิริยาความร้อน
หากใช้ปลั๊กไฟบนเครื่องบินชาร์จพาวเวอร์แบงก์ อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดความร้อนสูง
การใส่พาวเวอร์แบงก์ไว้ในกระเป๋าที่ถูกกระแทกหรืออัดแน่น หากแบตเตอรี่ถูกกดทับหรือได้รับแรงกระแทก อาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายในและเกิดไฟไหม้ได้
แบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank ไม่สามารถนำไปในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน (Checked Baggage) เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ เนื่องจากในระหว่างการเดินทาง แบตเตอรี่สำรอง ซึ่งมีส่วนประกอบจากลิเธียม (Lithium) อาจเกิดความร้อนสะสมจนก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้ ซึ่งหากเกิดเพลิงลุกไหม้ในพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน จะทำให้ยากต่อการควบคุมเหตุการณ์
ทั้งนี้ หากพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นในห้องโดยสาร เมื่อเกิดเพลิงไหม้แบตเตอรี่สำรอง ลูกเรือที่ได้รับการฝึกฝนตามมาตรฐานที่กำหนด จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่สำรองไปในรูปแบบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry On Baggage) โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ได้กำหนดขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ
ปัจจุบันมีเหตุการณ์แบตเตอรี่สำรองลุกไหม้บนห้องโดยสาร เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้สายการบินบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออกกฎระเบียบเพิ่มเติม เช่น การห้ามชาร์จแบตเตอรี่บนเครื่องบิน และไม่ให้เก็บแบตเตอรี่สำรองบนพื้นที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
อย่างไรก็ตาม CAAT และสายการบินของไทย ยังใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานและคำแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)
ทั้งนี้ CAAT แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองและสภาพของแบตเตอรี่สำรองให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนการเดินทาง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยทุกเที่ยวบิน