ไมเนอร์ ตีปีกปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

15 ก.พ. 2568 | 03:00 น.
1.5 k

ไมเนอร์ ปลื้มปิดปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ตั้งเป้าขยายโรงแรม 850 แห่งและร้านอาหาร 4,000 แห่งภายในปี 2570

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เผยผลประกอบการ ปี 2567 ในการสร้างผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 43 % เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 7,750 ล้านบาทในปี 2567 

ไมเนอร์

ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้สะท้อนถึงการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม ความต้องการเดินทางทั่วโลกที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น

ความแข็งแกร่งต่อเนื่องในธุรกิจโรงแรมขับเคลื่อนโดยการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนและการขยายตัวของตลาด ควบคู่ไปกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับแรงหนุนจากนวัตกรรมของแบรนด์และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น 

นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิการดำเนินงาน โดยได้รับประโยชน์จากโมเดลธุรกิจที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Asset-light Model) ที่เติบโตขึ้น ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงินผ่านการลดหนี้

ปิดท้ายปีด้วยผลงานที่น่าประทับใจ MINT มีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 3,632 ล้านบาท ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในปี 2568

ธุรกิจโรงแรม รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตแข็งแกร่ง และการขยายตลาดผลักดันผลการดำเนินงาน

ธุรกิจโรงแรมของ MINT ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการเดินทางทั่วโลกและการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดสำคัญ

ไมเนอร์ ตีปีกปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ยุโรปและอเมริกา: รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้น 9 % เมื่อเทียบกับปีก่อน นำโดยราคาห้องพักเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 6% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากวินัยด้านการกำหนดราคาและการเดินทางในภูมิภาคที่สม่ำเสมอ โดยสเปนเป็นประเทศที่มีผลงานการเติบโตดีที่สุด รองลงมาคือยุโรปกลาง เบเนลักซ์ และอิตาลี

ประเทศไทย: รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนพุ่งสูงขึ้น 17 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การขยายเส้นทางการบิน และกลยุทธ์การขายแบบกำหนดเป้าหมายที่ดึงดูดนักเดินทางคุณภาพสูงจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย

MINT ยังคงขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโรงแรมใหม่ 30 แห่งที่มีห้องพักกว่า 3,000 ห้องในปี 2567 ภายใต้โมเดลธุรกิจ Asset-light Model เป็นหลัก ส่งผลให้ MINT มีฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และโอเชียเนีย

ไมเนอร์ ตีปีกปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยการเปิดตัวโรงแรมครั้งสำคัญ ได้แก่ โรงแรม NH Collection Helsinki Grand Hansa ในประเทศฟินแลนด์ โรงแรม Anantara Stanley & Livingstone Victoria Falls ในประเทศซิมบับเว และ Anantara Jewel Bagh Jaipur Hotel ในรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำของ MINT ในตลาดใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง

ธุรกิจร้านอาหาร นวัตกรรมและแฟรนไชส์ขับเคลื่อนการเติบโต

ไมเนอร์ ฟู้ด ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกปี โดยมียอดขายโดยรวมทุกสาขา (TSS) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 8 % และสิงคโปร์มียอดขายรวมเติบโตขึ้น 12 % เป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายต่อร้านเดิมและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น

ความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนานวัตกรรมและแนวคิดที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคนำไปสู่การเปิดตัวแบรนด์และรูปแบบร้านค้าใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จ เช่น ร้าน สเต็ก แอนด์ มอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวเลือกการรับประทานอาหารระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ และร้านแบทเทอร์แคช (สิงคโปร์) ซึ่งเป็นแนวคิดร้านฟิชแอนด์ชิปส์สมัยใหม่ที่ดึงดูดผู้บริโภคในเมือง

ไมเนอร์ ตีปีกปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในขณะเดียวกัน ไมเนอร์ ฟู้ดได้เร่งการขยายธุรกิจด้วย Asset-light Model ผ่านความสำเร็จของการขายแฟรนไชส์ทรัพย์สินทางปัญญาระดับโลกที่บริษัทเป็นเจ้าของ เช่น เบนิฮานา, ซิซซ์เล่อร์ และกาก้า 

โดยมีการเปิดร้านเบนิฮานาที่กรุงปารีส การเปิดสาขาซิซซ์เล่อร์หลายแห่งในประเทศญี่ปุ่นและเวียดนาม และการขยายสาขาร้านกาก้าทั่วประเทศไทย

ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสนับสนุนการเร่งการเติบโต

ความมุ่งมั่นของ MINT ในการรักษาวินัยทางการเงินช่วยลดภาระหนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญดังต่อไปนี้

อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวดีขึ้นจาก 1.0 เท่าในปี 2566 เป็น 0.8 เท่าในปี 2567

อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมลดลงจาก 4.9 เท่าเป็น 4.3 เท่า

การลดภาระหนี้สินจำนวน 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเพิ่มศักยภาพในการสนับสนุนโครงการเติบโตที่ให้ผลตอบแทนสูง

ไมเนอร์ ตีปีกปี 2567 โกยกำไรทะลุ 7 พันล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

มองไปข้างหน้า ปี 2568 และอนาคต

เส้นทางที่ชัดเจนสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม MINT เตรียมพร้อมก้าวสู่อีกปีที่แข็งแกร่งในปี 2568 โดยใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3

นอกจากนี้ MINT อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวโรงแรมเชิงกลยุทธ์ในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายการดำเนินงานในตลาดสำคัญที่มีการเติบโตสูง ตลอดจนการเติบโตของร้านอาหารผ่านนวัตกรรมของแบรนด์ 

การปรับรูปแบบร้านค้าให้มีความหลากหลาย และการขยายแฟรนไชส์

ส่วนหนึ่งของแผนงานเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2567–2570 MINT ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 6-8 %

การเติบโตของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่ 15-20%  อัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนมากกว่า 12 % การขยายกลุ่มธุรกิจทั่วโลกสู่โรงแรม 850 แห่งและร้านอาหาร 4,000 แห่งภายในปี 2570

นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT แสดงความมั่นใจในแนวโน้มการเติบโตของบริษัท โดยกล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่เป็นประวัติการณ์ของ MINT ตอกย้ำความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจและการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ของเรา ด้วยงบแสดงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทำให้เราพร้อมที่จะเร่งการเติบโตในปี 2568 และในอนาคต เราจะยังคงใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวทั่วโลก ขยายโมเดลธุรกิจ Asset-light Model และขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารของเราต่อไป

ดิลิป ราชากาเรีย

เราจะมุ่งเน้นไปที่การส่งมอบผลกำไรที่ยั่งยืนและเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวขณะที่เราขยายฐานการดำเนินงานไปทั่วโลก