นาย ชนวีร์ หอมเตย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 40% โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาแซลมอน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูอาหารญี่ปุ่นหลายรายการ
แม้ว่าบริษัทจะสามารถรับมือกับสถานการณ์การปรับตัวของราคาวัตถุดิบได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าและทำสัญญากับซัพพลายเออร์ไว้แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจอาหารญี่ปุ่นโดยรวมยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก
นาย ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล และ นาย ชนวีร์ หอมเตย
"ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจอาหารญี่ปุ่น หลายร้านต้องปิดตัวลง และภาพรวมของตลาดยังไม่ค่อยดีนัก และแม้ว่าปีนี้สถานการณ์อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่เราก็ยังต้องระมัดระวังกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ราคาวัตถุดิบที่ยังคงผันผวน"
ส่วนการแข่งขันในตลาดอาหารในปี 2568 คาดว่าจะมีความเข้มข้นสูงมาก เนื่องจากทุกแบรนด์พยายามหาช่องทางในการแข่งขันเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ผู้บริโภคมักมองหาความคุ้มค่าเป็นหลัก ทำให้แบรนด์ที่มีราคาสมเหตุสมผลและคุณภาพดีจะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้เน้นขยายสาขารวมทั้งหมด 16 สาขา เน้นนักล่าหมูกระทะ เนื่องจากผลตอบรับดีจากปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้จะเปิดให้ได้ราว 10 สาขา นักล่าฯจะเป็นแบรนด์หลักในปีนี้ โดยจะเน้นการขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น
ปัจจุบันนักล่าหมูกระทะมีทั้งหมด 12 สาขารายได้รวมปีที่แล้ว 315 ล้านบาท ใช้งบลงทุนต่อสาขา 15 ล้าน อีกทั้งปีนี้เราจะเน้นลงภาคใต้เป็นหลักเนื่องจากเรามีทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานแต่ยังไม่มีสาขาภาคใต้
สำหรับแบรนด์ ชินคันเซ็น ซูชิ ปัจจุบันมี 57 สาขาทั่วประเทศ บริษัทจะปรับกลยุทธ์โดยเน้นการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ตั้งเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ราว 5 สาขาในต่างจังหวัด เพื่อกระจายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันเดินหน้าขยายสาขาของแบรนด์ คัตสึมิโดริ ซูชิ ซึ่งเป็นแบรนด์ซูชิระดับพรีเมียม โดยจะเน้นเปิดสาขาในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขาในปีนี้ ส่วน นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ จะขยายสาขาเพิ่มเช่นเดียวแบรนด์อื่น ๆ สำหรับคาดการร์สัดส่วนได้รายแต่ละสาขาในปีนี้ ดังนี้
อันดับ1 : ชินคันเซ็น ซูชิ 65% ยอดใช้จ่ายต่อบิล 260 ต่อคน
อันดับ2 : นักล่าหมูกระทะ 20% ยอดใช้จ่ายต่อบิล 260 ต่อคน
อันดับ3 : คัตสึมิโดริ ซูชิ 10% ยอดใช้จ่ายต่อบิล 650 ต่อคน
อันดับ4 : นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ 5% ยอดใช้จ่ายต่อบิล 1,200 ต่อคน
เป้าหมายรายได้ปีนี้ 2,800 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และระยะยาว 5 ปี ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท พร้อมคาดหวังนักล่าหมูกระทะจะทั้งหมด 40 สาขา
นาย ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เราจะ ขยายช่องทางการขาย Channel O2O (ONLINE TO OFFLINE) เพื่อเพิ่มช่องการการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Line My Shop ที่ช่วยให้ขายสินค้าได้ง่าย
รองรับพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความสะดวก สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแคมแปญดึงดูดต่าง ๆ เช่น ส่วนลดสินค้าใหม่ หรือแจกคูปองดีลพิเศษในช่วงมหกรรมลดราคาวันพิเศษ เช่น 9.9 / 10.10 เป็นต้น
ส่วนระบบสมาชิก (Loyalty Program) เพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำ ซึ่งแบรนด์มองว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ด้วยแต้มสะสม และสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก เช่น ส่วนลด หรือโปรโมชั่นเฉพาะสมาชิก อีกทั้งยังเป็นการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์อีกด้วย
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 2567 ที่ผ่านมา ที่มีความท้าทายจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การแข่งขันระหว่างร้านอาหารที่สูงขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง
แต่บริษัทยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถปิดรายได้รวมได้ถึง 2,100 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 50% ด้วยการนำเสนอเมนูที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอด้วย 2 แบรนด์ใหม่ สร้างการเติบโต ได้แก่ ร้าน นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ บุฟเฟ่ต์พรีเมียมที่รวบรวมเมนูอาหารยอดนิยมทั้งอาหารญี่ปุ่นและซีฟู้ด
และ คัตสึมิโดริ ซูชิ ร้านซูชิสายพานอันดับ 1 จากโตเกียว รวมถึงสร้างจุดเด่น และความแตกต่างในตลาดด้วยการคำนึงถึงความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโต