การขับเคลื่อนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ชุดใหม่ ภายใต้การนำทีมของ “ชัย อรุณานนท์ชัย” ประธานสทท.คนใหม่ มีนโยบายชัดเจนว่าต้องการสร้างองค์กรให้กลับมาเข้มแข็ง และเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ด้วยการดึงสมาคมท่องเที่ยวรายใหญ่ที่เคยตบเท้าลาออกจากสทท.ไปกลับมาร่วมกันทำงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการผลักดันการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงทำให้ผู้ประกอบการในทุกระดับได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
นายชัย อรุณานนท์ชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สสท.) เปิดใจถึงนโยบายหลังได้รับตำแหน่งประธานสทท.คนใหม่ ถึงวาระการทำงานในปี 2568-2570 ว่า ผมจะประสานกับสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ที่เคยลาออกจากสทท. แล้วเมื่อปี 2566 ออกไปตั้งเป็นสมาพันธ์การท่องเที่ยวไทย (FETTA)
อาทิ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (PGAT) และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.)ให้กลับเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกสทท.อีกครั้ง
เนื่องจากผมมองว่าเราควรจะมาร่วมมือกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไปด้วยกัน ไม่ควรจะมาแตกแยกกัน สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ถือว่าให้ผ่านไป มาเริ่มต้นกันใหญ่จะดีกว่า จะทำให้ภาพขององค์กรมีความเข้มแข็ง เพื่อหารือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกัน
ไม่ใช่ต่างคนต่างผลักดัน ทำให้ภาครัฐเองก็รู้สึกถึงความยุ่งยาก และไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การมาร่วมกันเดินหน้าจะสร้างประโยชน์และสามารถผลักดันเรื่องต่างๆได้ดีกว่า
“ผมจะเข้าไปคุยกับสมาคมต่างๆ ใน FETTA ก่อน เพื่อดึงกลับเข้ามาสทท. โดยจะเข้าไปรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอ อะไรที่มีความคั่งค้างคาใจกัน ก็ไปคุยกัน โดยผมจะมีฝ่ายกฏหมาย ถ้าเขารู้สึกว่าเรื่องไหนมีปัญหา ก็หารือร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวโดยรวมได้"
รวมถึงจะหารือร่วมกับหอการค้าไทย ในการทำงานร่วมกันให้มากขึ้น ทำให้เกิดความเข้มแข็ง ร่วมกันเดินหน้าไปพร้อมภาครัฐขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ขณะเดียวกันในส่วนของการแต่งตั้งกรรมการสทท. ผมได้ขอทั้งคนที่จะเข้ามาทำงานร่วมกัน จะต้องทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่มารับตำแหน่งแล้ว มาหากินกับประโยชน์ของตัวเอง ผมอยากสร้างให้สทท.เปิดหน้าเป็นตา ไม่ใช่เสือกระดาษ ที่ไม่ได้ทำอะไร
นอกจากนี้ผมยังมองถึงการกระจายงานต่างๆ ให้ผู้ประกอบการส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวไทยด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาจะพบว่าการเรียกร้องและความช่วยเหลือต่างๆผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กไม่สามารถเข้าถึงได้เท่าที่ควร
โดยผมก็จะเข้าไปดูว่าในแต่ละพื้นที่มีความเดือนร้อนต้องการอะไร จะได้ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้เหมาะสม โดยยุทธศาสตร์ของผม จะลงไปร่วมมือกับภูมิภาคต่างๆมากขึ้น เพื่อเติมความรู้ ไม่ว่าจะเป็น E-Learning หรือ AI เทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ ให้ตอบโจทย์ช่วยเหลือเรื่องการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ ร่วมกับภาครัฐ รวมถึงความต้องการต่างๆ
โดยเบื้องต้นจะพบว่าจากปัญหาเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการมีความต้องการซอฟต์โลน เพื่อไปปรับปรุงธุรกิจหลังโควิด และพัฒนาในสิ่งใหม่ๆ อะไรที่ขาดไปต้องไปซ่อม สร้าง รวมถึงปัญหาการจ้างงาน โดยเฉพาะค่าแรงที่สูงขึ้นก็ต้องหารือร่วมกันว่าอยากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องใดบ้าง
ทั้งผมวางแผนจะส่งคณะนักวิจัยด้านวิชาการไปศึกษาศักยภาพของแต่ละจังหวัด โดยร่วมมือกับสมาคมในภูมิภาคเพื่อปรับปรุงเมืองระดับรอง ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในภูมิภาคสำหรับตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้สามารถเจาะตลาดในประเทศได้เท่านั้น และการผลักดันโครงการอื่นๆอย่างการท่องเที่ยวเชิงอาหาร การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยกระจายนักท่องเที่ยว
อีกทั้งผมยังต้องการสร้างความโปร่งใสในการทำงาน การปรับปรุงแก้ไขเรื่องต่างๆที่เป็นอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว ทำให้ทันสมัยเป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของกม.ต่างๆที่จะต้องมีการหารือร่วมกับฝ่ายกฏหมายด้วย ที่เป็นคณะทำงานของเราเข้ามาดูร่างกม.ต่างๆว่าจะปรับปรุงแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อนำไปเสนอต่อรัฐบาล
ขณะที่ปัญหาเรื่องจีนหลอกจีน ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีนนี้ ผมจะหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา เพราะไม่เพียงปัญหาจีนหลอกจีน ทำให้มองว่าไทยไม่ปลอดภัย ยังมีปัญหาในเรื่องของไกด์เถื่อน รถเถื่อน ซึ่งต้องเสนอรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่การท่องเที่ยวไทย
ทั้งหมดล้วนเป็นวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนสทท.ภายใต้ประธานคนใหม่
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,063 วันที่ 19 - 22 มกราคม พ.ศ. 2568