นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ภาพรวมกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (เดือนตุลาคม -พฤศจิกายน 2567) สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6,107 ล้านบาท คิดเป็น 2.1% และสูงกว่าประมาณการ 2,572 ล้านบาท คิดเป็น 0.9%
ทั้งนี้ เนื่องมาจากกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ในเดือนตุลาคม ได้เป็นจำนวน 146,945 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,935 ล้านบาท
และในเดือนพฤศจิกายน 2567 จัดเก็บได้ เป็นจำนวน 147,694 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,173 ล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นให้ผู้อยู่นอกระบบภาษีและผู้อยู่ในระบบภาษีที่ยังเสียภาษีไม่ตรงตามความเป็นจริง ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงของผู้ประกอบการในกลุ่มต่าง ๆ อาทิ กิจการอุตสาหกรรมการผลิต กิจการซื้อมาขายไป กิจการร้านอาหารและที่พัก เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้อยู่ในระบบภาษีที่ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีถูกต้องครบถ้วนแล้ว
ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ กรมสรรพากรจะมุ่งเน้นการพัฒนาการให้บริการผู้เสียภาษีที่ดีขึ้นควบคู่กับการนำผู้อยู่นอกระบบภาษีเข้ามาอยู่ในระบบภาษีตามนโยบายของรัฐบาลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี (Co-operative Compliance)
สำหรับฤดูกาลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2567 ที่จะถึงนี้ กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด 90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 การยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตมีความสะดวก รวดเร็ว และจะทำให้ผู้เสียภาษีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคืนภาษีได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ในปีนี้กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบการยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตให้มีการให้บริการ pre-fill ข้อมูลค่าลดหย่อนเพิ่มเติม รวมถึงการเพิ่มการแสดงข้อมูลเงินได้ เช่น เงินปันผลจากกองทุนหรือหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ผ่านระบบ My Tax Account นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผู้เสียภาษีที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ e-Commerce อีกด้วย