“เผ่าภูมิ” สั่งศึกษาเก็บ "ภาษีไขมัน” มอบสรรพสามิตถกหน่วยงานเกี่ยวข้อง

05 พ.ย. 2567 | 15:53 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ย. 2567 | 15:56 น.

“เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง สั่งศึกษาเก็บ "ภาษีไขมัน” มอบสรรพสามิตถกหน่วยงานเกี่ยวข้อง กำหนดไขมันดี หรือไม่ดี บนสลากผลิตภัณฑ์ พร้อมศึกษารีดภาษีความเค็ม ดูแลสุขภาพประชาชน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตเป็นกลไกและรักษาสมดุลด้านภาษีระหว่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน ธรรมาภิบาล และรายได้การจัดเก็บโดยเฉพาะด้านสุขภาพประชาชน

โดยได้สั่งการให้สรรพสามิตไปศึกษาการจัดเก็บ "ภาษีไขมัน" ในสินค้าบางประเภท ถือเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งดูว่ามีไขมันดี หรือไขมันไม่ดี และต้องไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการในการดำเนินการ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

“ปัจจุบันบนฉลากผลิตภัณฑ์สินค้า ยังไม่ได้บอกว่าไขมัน เป็นไขมันดี หรือไม่ดี มีแต่ไขมันรวม เราจึงได้มอบให้สรรพสามิตไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดในการจัดเก็บภาษีต่อไป ซึ่งจะเป็นการดูแลสุขภาพประชาชนด้วย”

นอกจากนี้ ยังต้องการปรับพฤติกรรมให้คนไทยลดการบริโภคโซเดียม ความเค็ม ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตศึกษาพิจารณากลไกการเก็บภาษีโซเดียมในสินค้าบางประเภทที่ไม่อยู่ในสินค้าควบคุม เช่น ขนมขบเคี้ยว หรือสินค้าไม่จำเป็นจะโดนเก็บก่อนตามสัดส่วนความเค็ม

ขณะเดียวกัน หากเป็นสินค้าดำรงชีพ สินค้าที่กระทบต่อประขาชนส่วนใหญ่ หรือเป็นสินค้าปัจจัยสี่ต่อผู้มีรายได้น้อยก็ต้องคำนึงไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ และจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

ส่วนการจัดเก็บภาษีความหวานนั้น ได้มอบนโยบายให้เดินหน้าสู่การจัดเก็บภาษี ระยะที่ 4 ตามกำหนดเวลา เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และลดภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขของประเทศ

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ในเรื่องภาษีน้ำมันนั้น ให้กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 6 ประเภท ซึ่งไทยจะเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน โดยคำนวณจากค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“เบื้องต้น กำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยต้องไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีกพลังงานแก่พี่น้องประชาชน”

ด้านภาษีบุหรี่ ให้จัดเก็บภาษีแบบผสมผสาน โดยพิจารณาและศึกษาความเหมาะสมในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว เพื่อลดการบิดเบือนกลไกราคา โดยให้พิจารณาปัจจัยความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและสนับสนุนผู้เพาะปลูกใบยาสูบในประเทศด้วย

รวมทั้งดำเนินการระบบตรวจ ติด ตาม บุหรี่ โดยใช้ระบบคิวอาร์ โค้ดในบุหรี่ เพื่อป้องกันบุหรี่เถื่อนทั้งระบบ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีและแหล่งที่มาของบุหรี่เพื่อมั่นใจได้ว่าได้มาตรฐานและตรวจสอบโดยกรมสรรพสามิต

ทั้งนี้ ในการเก็บแบตเตอรี่ ให้ศึกษาพิจารณาเปลี่ยนจากอัตราคงที่ 8% เป็นอัตราแบบขั้นบันได ภาษีปล่อยมลพิษเยอะจะเก็บภาษีเยอะ ปล่อยภาษีน้อยเสียภาษีน้อย โดยคำนึงถึงปัจจัยอายุการใช้ และค่าพลังงานจำเพาะต่อน้ำหนัก รวมถึงชนิดของแบตเตอรี่ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สะอาด อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนการเก็บภาษียานยนต์ ให้ใช้กลไกภาษีกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบอย่างสมดุล ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า สันดาปใช้น้ำมัน รวมถึงไฮบริดจ์ โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งมีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมจากอุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงใหญ่ รวมถึงการจ้างงาน

โดยใช้ภาษีสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นในประเทศ แต่ยังคงรักษาฐานการผลิตรถยนต์สันดาปไว้ อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องกำหนดเวลาชัดเจน และให้แนวทางว่ากรมสรรพสามิตสามารถสูญเสียรายได้ในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในระยะยาว ซึ่งเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจประเทศได้