คลังเปิดลงทะเบียน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” รอบใหม่ ต้นปี 68

14 ต.ค. 2567 | 16:26 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2567 | 16:26 น.
514

คลังเตรียมเปิดลงทะเบียน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” รอบใหม่ คาดต้นปี 68 ชี้ต้องทบทวน หลังครบกำหนด 2 ปี ระบุปัจจุบันมีผู้รับสิทธิ 13.5 ล้านคน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังเตรียมการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อเป็นการทบทวนผู้มีสิทธิเดิม หลังจากที่มีการเปิดลงทะเบียนไปล่าสุดเมื่อปี 2565 ซึ่งครบกำหนด 2 ปี ที่ต้องมีการทบทวนสิทธิแล้ว พร้อมทั้งรับสมัครบุคคลใหม่ที่เข้าเกณฑ์ด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2568

“สิ่งที่ต้องทำคือการเอาข้อมูลมารันใหม่ ว่าใครยังได้อยู่ในตะกร้ากลุ่มเปราะบาง ที่ต้องได้รับสิทธิต่อไป หรือใครที่พ้นจากการเป็นกลุ่มเปราะบางแล้ว ก็จะหลุดออกไปจากตะกร้า และยกเลิกรับสิทธิไป”

สำหรับเกณฑ์คุณสมบัติ ยังไม่มีการประชุม หรือหารืออย่างเป็นทางการ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 400 บาท  ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงาเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เปิดลงทะเบียนล่าสุดเมื่อปี 2565 นั้น ถือว่าได้ครบกำหนดเงื่อนไขที่วางไว้ของโครงการแล้วว่า ต้องมีการทบทวนผู้มีสิทธิในทุกๆ 2 ปี ซึ่งในขณะนี้ครบกำหนดแล้วก็จริง แต่ด้วยสถานการณ์อุทกภัย หรือน้ำท่วมที่แทรกเข้ามา ทำให้ทุกฝ่ายต่างต้องมุ่งไปที่ที่ช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ประสบอุทกภัยก่อน  จึงได้เลื่อนการพิจารณาเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ไปราวต้นปี 2568

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า สำหรับการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุด คือเมื่อวันที่ 5 กันยายน- 31 ตุลาคม 2565 เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่ ทั้งนี้ ตามโครงการเดิมเมื่อปี 2560-2561 มีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 14.9 ล้านคน ส่วนปัจจุบันมีผู้ได้รับสิทธิ ประมาณ 13.5 ล้านคน โดยสาเหตุที่จำนวนลดลงนั้น เนื่องจากผู้มีสิทธิเสียชีวิต 

ส่วนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือ เพิ่มการตรวจสอบคุณสมบัติของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องรายได้  เช่น กรณีผู้ลงทะเบียน เป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้จากการทำงาน แต่หาก สามีมีรายได้หรือทรัพย์สินที่สามารถดูแลได้ทั้งครัวเรือน โดยนำรายได้มาหารเฉลี่ยในต่อหัวของคนในครอบครัวแล้ว ยังเกินเส้นที่กระทรวงการคลังตั้งขึ้น รายได้ 1 แสนบาทต่อคนต่อปี ผู้ลงทะเบียนที่เป็นแม่บ้านก็จะไม่ผ่านเกณฑ์