นับจากปี 2554 ที่ “เซ็นทรัล รีเทล” สยายปีกการลงทุนด้วยการเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี ภารกิจสำคัญคือการขับเคลื่อนให้ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุด และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 160 ปี ให้เดินหน้าได้อย่างยั่งยืน
จากก้าวแรกคือ การปรับโฉมห้างจาก Traditional Store ให้กลายเป็น Luxury Store ซึ่งเป็น Iconic Landmark และเป็นจุด Must-visit ของนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นศูนย์กลางแห่งตลาดลักชัวรี่ระดับโลก เพื่อสามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยมีสาขามิลาน และโรม เวีย เดล ตริโตเน เป็นสาขาแฟลกชิปสโตร์ กลายเป็นความท้าทายภายใต้บริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
วันนี้ “เซ็นทรัล รีเทล” ประกาศความพร้อมในการเดินหน้า “รีนาเชนเต” (Rinascente) ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ Luxury Retail อันดับ 1 ในอิตาลี ทั้ง 9 สาขา ใน 8 เมืองสำคัญ ที่เป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและการช้อปปิ้งระดับโลก ได้แก่ มิลาน, โรม เวีย เดล ตริโตเน, โรม เปียซซาฟิอุเม, ตูริน, ฟลอเรนซ์, คัลยารี, ปาแลร์โม, กาตาเนีย และ มอนซ่า รวมพื้นที่กว่า 7.4 หมื่นตารางเมตร หลังประสบความสำเร็จในปี 2566 ที่สามารถทำสถิติยอดขายนิวไฮทะลุ 1,000 ล้านยูโร สูงสุดในประวัติศาสตร์ 158 ปี
นายปิแอร์ลุยจิ ค็อคคินี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า เซ็นทรัล รีเทลใช้เงินก้อนใหญ่ในการลงทุนพลิกโฉมห้างรีนาเชนเต้ทุกสาขาทั่วอิตาลีหลังเข้าซื้อกิจการในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยน Traditional Department Store สู่ Luxury Retail อย่างเต็มรูปแบบ และก้าวต่อไปนับจากนี้จะเป็นการยกระดับห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเตอีกขั้นด้วยการสร้างให้รีนาเชนเตที่เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า สู่การเป็น Media Company
“เซ็นทรัล รีเทลถือเป็นธุรกิจค้าปลีกไทยรายแรกที่ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศอิตาลี ซึ่งการเข้าไปพัฒนาห้างรีนาเชนเต จนเติบโตแข็งแกร่งทั้งในด้าน King of Luxury, King of Fashion และ King of Network ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดลักชัวรีระดับเวิลด์คลาส ซึ่งสเตปต่อไปคือการสร้างให้รีนาเชนเต
เป็นมากกว่า Luxury Retail คือการเป็น Media Company หลังจากที่ทดลองเปิดให้แบรนด์ระดับโลกเข้าจัดอีเว้นต์ในปี 2565 จนกลายเป็น Talk of the Town สู่สายตาคนทั่วโลก ทำให้มีหลายแบรนด์สนใจเข้ามาเพิ่มขึ้น ผ่านโปรเจ็กต์ Brand Take Over ซึ่งรีนาเชนเตร่วมกับแบรนด์ดังมากมาย อาทิ
Chanel กับการจัดกิจกรรม “Chanel Wonderland” แปลงโฉมห้างรีนาเชนเตสาขามิลาน ให้กลายเป็นงานศิลปะสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สว่างไสวไปทั่วทั้งใจกลางเมือง เป็นต้น ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีบิ๊กอีเว้นต์มากกว่า 400 งาน และสามารถสร้างรายได้ราว 7 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งขณะนี้มียอดจองพื้นที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึง 2568 แล้ว”
นอกจากนี้ห้างยังลงทุนปรับโฉม ปรับพอร์ต Brand Mix ให้ทันสมัย ยกระดับการให้บริการแบบ VIP เช่น บริการ Personal Shopper และการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และดึงดูดทั้งลูกค้าโลคอล ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงกลุ่ม Gen Z และ Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในอนาคต
“ปัจจุบันรีนาเชนเต มีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 20 ล้านรายต่อปี โดยยอดขายจากลูกค้าโลคัล 59% และนักท่องเที่ยว 41% โดย 5 อันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา, กลุ่มประเทศอาหรับ, จีน, ไต้หวัน และบราซิล ขณะที่นักช้อปไทย ก็ติดอันดับ Top 10 ในอิตาลีด้วย”
อย่างไรก็ดี ด้วยศักยภาพของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็น 1 ในประเทศที่มีการเติบโตของ GDP อันดับต้นๆ ของยุโรป เป็นรองเพียงประเทศฝรั่งเศสนั้น นายปิแอร์ลุยจิ ค็อคคินี กล่าวว่า ด้วยอานิสงส์จากเศรษฐกิจภายในประเทศอิตาลีที่มีความมั่นคง แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ
แต่เศรษฐกิจของอิตาลีมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าที่มีการคาดการณ์ และเติบโตขึ้นในทุกไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2564 โดยคาดว่า GDP ของปี 2567 นี้จะขยายตัวอยู่ที่ 1.0% และอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 1.3% ทำให้มั่นใจได้ว่า ยังมีโอกาสและเติบโตได้อีกมาก
ทั้งนี้ห้างรีนาเชนเต เตรียมแผนใช้งบลงทุนราว 40 ล้านยูโร หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงการเช่าพื้นที่โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี บริเวณด้านข้างห้างรีนาเชนเต สาขามิลาน เพื่อรีโนเวทเป็น Beauty Hub ภายใต้ชื่อ “Rinascente ODEON Beauty Hall” บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม.
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2570 ซึ่งที่นี่จะรวบรวมแบรนด์สินค้าบิวตี้ชั้นนำจากทั่วโลกมาไว้รวมกัน จากเดิมที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของรีนาเชนเต สาขามิลาน ขณะที่พื้นที่เดิมในรีนาเชนเต สาขามิลาน จะกลายเป็นร้านค้าของลักชัวรีแบรนด์แทน
“การลงทุนใน Rinascente ODEON Beauty Hall ถือเป็น Next Big Move เพราะที่นี่จะเป็น Beauty Hub ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ทำให้ห้างรีนาเชนเต กลายเป็น King of Beauty และผู้เล่นใหญ่เพียงรายเดียวในโลกของความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และน้ำหอมของอิตาลี พร้อมทั้งมีบริการเฉพาะบุคคล โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 80 ล้านยูโรต่อปี” นายปิแอร์ลุยจิ กล่าว
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,035 วันที่ 13 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567