ไทยก้าวสู่ฮับอาหารโลก สถาบันอาหารเปิดเวทีจับคู่ธุรกิจครั้งแรก

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (NFI) กล่าวว่า สถาบันอาหารร่วมกับโครงการ PHENIX ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดโครงการ
“NFI EXCLUSIVE BUSINESS MATCHING DAY” ระหว่างวันที่ 24-25 กันยายน 2567 ครั้งแรก

เพื่อสร้างพื้นที่แห่งโอกาสในขยายการเติบโตที่มากขึ้น พร้อมเสริมศักยภาพการแข่งขันแก่ผู้ประกอบธุรกิจไทยด้านอาหาร ซึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้นในระยะต่อไป

ทั้งนี้ โครงการ “NFI EXCLUSIVE BUSINESS MATCHING DAY” คือ การเปิดพื้นที่เพื่อการร่วมตัวครั้งสำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจด้านอาหารครบวงจรทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อนำเสนอขายสินค้าซึ่งจะนำมาจัดแสดง ณ บริเวณ NFI share shop

และที่สำคัญคือการเปิดพื้นที่การเจรจาทางการค้าเพื่อแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจด้านอาหารที่เข้มแข็งจากผู้ประกอบธุรกิจอาหารทั้งไทยและต่างประเทศในรูปแบบ Business to Business (B2B) เช่น กลุ่มผู้ซื้อชั้นนำในเครือ AWC สมาคมโรงแรมไทย และเครือโรงแรมต่างประเทศ อาทิ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพ, โรงแรมดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพ รวมทั้งกลุ่มผู้ส่งออกและตัวแทนจำหน่ายขนาดใหญ่เพื่อสรรหาวัตถุดิบและสินค้าเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น Ministry of Domestic Trade and Cost of Living (KPDN) จากประเทศมาเลเซีย, Singapore Business Federation ตลอดจนสมาคมภัตตาคารไทย,สมาคมเชฟประเทศไทยและร้านอาหารชั้นนำทั่วประเทศ 

ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดสินค้าและขยายช่องทางการขยายธุรกิจ รวมทั้งการเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการไทยในธุรกิจอาหารอีกด้วย โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการธุรกิจด้านอาหารเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก

ดร.ศุภวรรณ กล่าวว่า สถาบันอาหารมีวิสัยทัศน์เป็นองค์กรนำ ในการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารเพื่ออนาคตแห่งอาเซียน ดังนั้นจึงแสวงหาความร่วมมือกับหลายหน่วยงานหลักของประเทศ รวมถึงภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาตลาดอาหารครบวงจรแก่ผู้ประกอบการไทย

โดยเฉพาะโอกาสทางการตลาดและการส่งเสริมนวัตกรรมอาหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในระดับสากล และผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของโลก ดังนั้นโครงการ “NFI EXCLUSIVE BUSINESS MATCHING DAY” จึงเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญต่อการผลักดันนำไปสู่ความสำเร็จดังกล่าวได้เร็วขึ้น

นอกจากนั้นสถาบันอาหารยังคงมุ่งมั่นต่อการพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจไทยด้านอาหารด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างศักยภาพการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมอาหารไทย ทั้งทางด้านการผลิต การแปรรูป และการจำหน่าย 

โครงการนี้เป็นเวทีสำคัญในการนำผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจอาหารครบวงจรที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
มาทำความรู้จักกันโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ให้เขาได้พูดคุยแนะนำตัว ได้นำเสนอสินค้า รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่คู่ค้าทางธุรกิจที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ในการแสวงหาไอเดียและนวัตกรรมทางธุรกิจด้านอาหารใหม่ๆ อีกด้วย

โดยผลลัพธ์ที่ได้นอกจากเม็ดเงินการซื้อขายที่จะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวซึ่งส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังนำไทยไปสู่มุดหมายการเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของโลกได้เร็วขึ้นอีกด้วย

นายอัศวิน คําแวง ผู้จัดการทั่วไป โครงการ PHENIX ภายใต้การบริหารงานโดย AWC กล่าวว่า AWC เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหารของไทยตามนโยบายภาครัฐ

ด้วยการสร้างศูนย์กลางด้านอาหารระดับโลกรวมอยู่ที่ประเทศไทยใจกลางเมืองย่านประตูน้ำ ผ่านกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจรูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลก เพื่อตอบสนองความต้องการค้าส่งและค้าปลีก เชื่อมผู้ประกอบการ ผู้ซื้อ และผู้ขายด้านอาหารจากทั่วโลก (B2B & B2C) เข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ (OMNI Channels) ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท

ซึ่งได้พัฒนาจาก “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” สู่โครงการใหม่ในชื่อ “Phenix” บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำกว่า 69,000 ตารางเมตร เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการธุรกิจอาหารทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ได้มาพบกับผู้ขายโดยตรง ด้วยจุดแข็ง “ครบครัน คุ้มค่า ราคาส่ง” ตอบโจทย์การเจรจาธุรกิจการค้า

สำหรับโครงการ “NFI EXCLUSIVE BUSINESS MATCHING DAY” จัดขึ้นระหว่างวันที่
24-25 กันยายน 2567 โดยมีกลุ่มผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ จำนวน  90 องค์กร แบ่งเป็น กลุ่มผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารและวัตถุดิบจำนวน 60 องค์กร และกลุ่มผู้ซื้อ จำนวน 40 องค์กร