สภา แนะ ดึง บอร์ดคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-กขค. ร่วมวง "เงินดิจิทัลวอล"

29 ก.ค. 2567 | 18:20 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2567 | 18:52 น.

เปิด 8 ข้อสังเกตคณะกรรมาธิการงบรายจ่ายเพิ่มเติม สภา ก่อนชี้ชะตา เงินดิจิทัลวอลเล็ต ก้อนแรก 1.22 แสนล้าน ติง สำนักงบ นิยาม “รายจ่ายลงทุน” ให้ชัด ขยาย Negative List ครอบคลุมผู้ประกอบการไทย แนะ ดึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-แข่งขันทางการค้าให้คำปรึกษา ครม.

รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 มีวาระการประชุมเรื่องที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... สำหรับใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท 

สภา แนะ ดึง บอร์ดคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-กขค. ร่วมวง \"เงินดิจิทัลวอล\"

รายงานข่าวระบุว่า ถือเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ตก้อนแรกจากแหล่งที่มาทั้งหมดที่รัฐบาลจัดหามาใช้ในโครงการฯรวมทั้งสิ้น 4.5 แสนล้านบาท สำหรับข้อสังเกตของคณะกมธ.วิสามัญ ฯ มีจำนวน 8 ข้อ ดังนี้้ 

  • ข้อสังเกตในการเก็บข้อมูลระบบ Payment Platform 

ในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และโครงการอื่นใดในอนาคต ควรมีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาคำนวณ Fiscal Multiplier MPC (Marginal Propensity to Consume) และอัตราการหมุนของเงิน (Velocity of Money) และควรระบุเงื่อนไข การเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ใน TOR ด้วย

  • การกำหนดสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อรายจ่ายประจำ

การกำหนดสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อรายจ่ายประจำ เห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาการกำหนดนิยาม “รายจ่ายลงทุน” ให้มีรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

  • ประเด็นการกำหนด Negative List

เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสูงสุด การกำหนดรายการสินค้าที่ไม่สามารถใช้จ่ายเงินตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท  ผ่าน Digital Wallet (Negative List) ควรขยายให้ครอบคลุมผู้ประกอบการไทยมากที่สุด และควรนำข้อมูลโครงสร้างการผลิต สัดส่วนปัจจัยการผลิตในประเทศและต่างประเทศมาพิจารณา

สภา แนะ ดึง บอร์ดคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-กขค. ร่วมวง \"เงินดิจิทัลวอล\"

  • การศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านการแข่งขันทางการค้า 

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีหน้าที่ให้คำปรึกษาต่อคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับนโยบายที่ส่งผลต่อการแข่งขันตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า  พ.ศ.2560 จึงควรให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (หรือสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) เข้ามามีส่วนร่วมให้คำปรึกษา และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ ที่จะใช้งบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมฯ

โดยเฉพาะในด้านที่จะกระทบต่อการแข่งขันในตลาดค้าปลีกค้าส่ง ทั้งภาพรวมของตลาดระดับประเทศและระดับพื้นที่ เนื่องจากตลาดค้าปลีกค้าส่งในปัจจุบันมีการกระจุกตัวค่อนข้างสูง

  • ประเด็นมาตรการในการกำกับดูแลเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ 

ควรมีการประชาสัมพันธ์การกระทำที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ เพื่อเป็น การป้องกันการกระทำความผิด และควรมีหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม กรณีที่มีการพบเห็นการกระทำความผิดในการใช้เงินตามโครงการดังกล่าว โดยมีช่องทางที่ประชาชนสามารถติดต่อได้โดยสะดวก

  • ประเด็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

รัฐควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเปิดเผยมาตรการดังกล่าวให้ประชาชนทราบ และควรให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)  เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผลการกำหนดนโยบาย และมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท

  • ประเด็นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการส่งข้อมูลการซื้อขาย

ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า ข้อมูลการซื้อขายระหว่างประชาชนกับร้านค้า หรือร้านค้ากับร้านค้าที่เกิดขึ้นในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะไม่ได้ถูกส่งตรงไปยังกรมสรรพากร แต่หากมีกฎหมายอื่นที่กำหนดให้มีการส่งข้อมูลทำธุรกรรมทางการเงินแก่สรรพากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสถาบันการเงินก็จะต้องดำเนินการส่งข้อมูลตามกฎหมายนั้น

สภา แนะ ดึง บอร์ดคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-กขค. ร่วมวง \"เงินดิจิทัลวอล\"

  • ประเด็นการส่งเสริมให้ประชาชนนำเงินไปประกอบกิจการ 

รัฐควรมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน การเข้าถึงแหล่งเงินลงทุน และให้คำปรึกษาเรื่องการประกอบกิจการ ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนที่ประสงค์จะนำเงินจากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ไปรวมตัวกันเพื่อประกอบกิจการสามารถดำเนินการได้โดยสะดวก