กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม ปล่อยปลาเป็นหมัน หยุดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ

11 ก.ค. 2567 | 13:20 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2567 | 13:33 น.

กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม ปล่อยปลาหมอเป็นหมันลงแหล่งน้ำ หยุดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ชี้เป็นวิธีตัดรากถอนโคนที่ต้นตอ ควบคู่ปล่อยปลาผู้ล่าทั้งปลากะพง ปลาอีกง ช่วยกำจัด

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงานคิกออฟ “โครงการวิจัย การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n  ในปลาหมอคางดำ” ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ว่า จากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทยอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั้งเชิงเศรษฐกิจของภาคการประมงและในเชิงความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดและน้ำกร่อย

ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะเฉพาะของปลาชนิดนี้ที่มีความสามารถในการปรับตัวให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการแย่งชิงแหล่งอยู่อาศัยกับปลาท้องถิ่น และมีพฤติกรรมการกินอาหารได้ในวงกว้าง รวมถึงอัตราการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็วมาก เมื่อปลาหมอคางดำหลุดรอดลงสู่บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำหรือแหล่งน้ำใดก็ตาม ส่งผลทำให้ปลาชนิดอื่น ๆ ลดจำนวนลงและปลาหมอคางดำกลายเป็นชนิดหลักในแหล่งน้ำนั้นแทน

กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม ปล่อยปลาเป็นหมัน หยุดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ

จากปัญหาดังกล่าว ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญและมีข้อสั่งการให้กรมประมงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติ ผ่าน 5 มาตรการสำคัญ ดังนี้

1.การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการระบาด 2.การปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพงขาว ปลาอีกง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ 3.เป็นการนำปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ไปใช้ประโยชน์ 4.การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติตามพื้นที่กันชนต่าง ๆ และ 5.การประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับทุกภาคส่วน

ขณะเดียวกันทางกรมประมงได้มีโครงการวิจัย เรื่อง การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ เพื่อควบคุมการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำด้วยหลักการทางพันธุศาสตร์ โดยการศึกษาสร้างประชากรปลาหมอคางดำพิเศษที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด (4n) จากนั้นจะปล่อยปลาหมอคางดำพิเศษเหล่านี้ลงสู่แหล่งน้ำเพื่อให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำปกติที่มีชุดโครโมโซม 2 ชุด (2n) การผสมพันธุ์นี้จะทำให้เกิดลูกปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุด (3n) ซึ่งลูกปลาที่มีโครโมโซม 3 ชุดนี้จะกลายเป็นปลาหมอคางดำที่เป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ ในเบื้องต้นของการศึกษานี้จะทดลองในบ่อทดลองเลียนแบบธรรมชาติภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 เดือน

กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม ปล่อยปลาเป็นหมัน หยุดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ

หากผลการวิจัยนี้สามารถควบคุมการเพิ่มจำนวนประชากรปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะขยายผลไปยังแหล่งน้ำอื่น ๆ ต่อไป และเมื่อดำเนินการควบคู่กับวิธีการควบคุมอื่น ๆ เช่น การใช้ปลาผู้ล่า และการจับปลา ไปใช้ประโยชน์ ก็จะส่งผลให้การเพิ่มจำนวนปลาหมอคางดำรุ่นใหม่ลดลงจนสามารถควบคุมการระบาดได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้ว่างานวิจัยนี้จะเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้เป็นอย่างดี แต่กรมประมงยังคงตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของสัตว์น้ำอื่น ๆ ในธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการศึกษาอย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม ปล่อยปลาเป็นหมัน หยุดการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ

ทั้งนี้กรมประมงขอขอบคุณประชาชนที่ตื่นตัวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งขอทำความเข้าใจไปยังพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่า ปลาหมอคางดำไม่ใช่ปลาอันตราย ไม่มีพิษ และสามารถบริโภคได้ ที่สำคัญยังใช้ประโยชน์ได้หลายประเภท ซึ่งจะช่วยในส่วนของการควบคุมปริมาณปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ นอกจากนี้การลดการเกิดของประชากรปลาหมอคางดำก็เป็นสิ่งที่กรมประมงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการตัดตอนปัญหาตั้งแต่ต้น โดยได้เริ่มดำเนินโครงการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ และคาดว่าหากสัมฤทธิ์ผลจะสามารถแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำได้อย่างชัดเจนภายใน 3 ปี