“เงินเฟ้อ” มิถุนายน 2567 บวก 0.62% คาดทั้งปี 0.0 – 1.0%

05 ก.ค. 2567 | 14:09 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2567 | 14:17 น.

กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 108.50 เพิ่มขึ้น 0.62% คาดทั้งปี อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0%

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 108.50 เพิ่มขึ้น 0.62% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน อัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 1.54%

ทั้งนี้เป็นผลมาจากผลกระทบจากฐานต่ำของค่ากระแสไฟฟ้าในเดือนก่อนหน้าสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นในอัตราชะลอตัว เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหลังจากสิ้นสุดช่วงสภาพอากาศร้อนจัด สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้น 0.62% ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้

หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.48% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว) กลุ่มอาหารสด อาทิ ไข่ไก่ ผลไม้สด (มะม่วง ทุเรียน กล้วยน้ำว้า แตงโม กล้วยหอม องุ่น สับปะรด) และผักสด (มะเขือเทศ ขิง ฟักทอง พริกสด ต้นหอม บวบ ผักบุ้ง มะเขือ ผักชี) 
กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน กาแฟ (ร้อน/เย็น)) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป น้ำพริกแกง) 

ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร มะนาว ปลาทู น้ำมันพืช ไก่ย่าง ส้มเขียวหวาน หัวหอมแดง และกระเทียม เป็นต้น

ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.71% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน ค่าแต่งผมสตรีและบุรุษ กระดาษชำระ) และกลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (สุรา เบียร์) อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการ

ที่ราคาลดลง อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.36% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2567 ที่สูงขึ้น 0.39%

อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 3 ปี 2567 คาดว่ามีแนวโน้มอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 โดยปัจจัยที่ยังทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ 

  1. ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า ตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ 
  2. สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อภาคการเกษตรมากขึ้น หลังจากสิ้นสุดช่วงอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตและราคาสินค้าภาคการเกษตรปรับเข้าสู่ระดับปกติ 
  3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกรายใหญ่ รวมทั้งการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ตามสภาวะที่มีการแข่งขันสูง 

ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ได้แก่ 

  1. ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 
  2. อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน 
  3. ความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้น 

ส่วนทั้งปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง