บีโอไอจับตาใกล้ชิด สงครามการค้า ห่วงกระทบรถ EV-สินค้าจีนลงทุนไทย

22 พ.ค. 2567 | 11:54 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ค. 2567 | 12:06 น.

บีโอไอยังมองบวก สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่ เพิ่มโอกาสจีนย้าย-ขยายการลงทุนมาไทยเพิ่ม ขณะจับตาใกล้ชิดรถ EV และสินค้าจีนที่ผลิตในไทยและในประเทศต่างๆ จะถูกเก็บภาษีเพิ่มด้วยหรือไม่ ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ยันเบื้องต้นยังไม่กระทบ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจากจีนในสงครามการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ( EV) และเซมิคอนดักเตอร์ ทางบีโอไอกำลังติดตามว่า สหรัฐฯ จะพิจารณาเก็บภาษีเฉพาะสินค้าที่ส่งออกจากจีน หรือรวมถึงสินค้าที่ผลิตจากบริษัทจีนในประเทศต่าง ๆ ด้วยหรือไม่ คงต้องรอดูความชัดเจนในรายละเอียดหลักเกณฑ์การพิจารณาแหล่งกำเนิดของสินค้าก่อน

ทั้งนี้หากสหรัฐฯ บังคับใช้เฉพาะสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน การขึ้นกำแพงภาษีดังกล่าว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะจะเพิ่มโอกาสในการย้ายหรือขยายการลงทุนมาไทย เพื่อเป็นช่องทางส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ซัพพลายเชนที่มีความพร้อม บุคลากรที่มีคุณภาพ นโยบายสนับสนุนจากรัฐและสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

อีกทั้งมีผู้ผลิตรถยนต์ EV และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ชั้นนำจากจีนลงทุนอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถต่อยอดได้ทันที รวมทั้งความเป็นกลางของประเทศไทย ที่ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ ทำให้ไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีความมั่นคง มีความเสี่ยงตํ่า และมีปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุน

ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่ผลิตรถยนต์เกือบ 2 ล้านคันต่อปี เพื่อทำตลาดในประเทศ และส่งออกมีความเห็นต่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่อย่างไรนั้น

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ณ เวลานี้อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะประเด็นการย้ายฐานการผลิต แต่ทั้งนี้ต้องจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด แม้ในปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบ หรือการเปลี่ยนแปลงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ในระยะยาวก็อาจไม่แน่

“ตอนนี้ ยังไม่เห็นใครปรับแผนงานจากสงครามการค้า เพราะทุกค่ายวางแผนการผลิตในปี 2567 เพื่อตอบโจทย์ EV 3.0 (ต้องทำตามเงื่อนไขของภาครัฐ) และน่าจะยังไม่มีบริษัทไหนวางแผนการผลิตรถยนต์พวงมาลัยซ้ายเพื่อส่งออก”

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นสัญญาณค่ายรถจีนจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยซ้ายเพื่อส่งออกไปสหรัฐ ทำให้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ที่ผ่านมาการส่งออกรถยนต์โดยตรงจากไทยไปทวีปอเมริกาเหนือ(รวมสหรัฐ) ก็มีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับการส่งออกรถยนต์โดยรวมของไทย

 ส่วน นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบสงครามการค้า กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยังตอบยาก ต้องลงไปดูหลักเกณฑ์ถึงการตั้งกำแพงภาษี EV จีน หรือ EV ที่ผลิตนอกประเทศจีน(แล้วนำเข้าไปขายสหรัฐอเมริกา) เป็นอย่างไร

 “เราเป็นแค่แหล่งผลิตนอกประเทศจีน จะได้ผลประโยชน์หรือไม่ คงต้องไปดูรายละเอียดของนโยบายรอบนี้ ส่วนโรงงานเอ็มจีในไทย (SAIC-CP) จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาเท่านั้น เพื่อทำตลาดในประเทศ และส่งออกไปอาเซียน รวมถึงกลุ่มประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวา” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว