เปิด 3 สาระสำคัญ ผู้แทนไทย ประชุมผู้ว่าฯ ธนาคารโลก

21 เม.ย. 2567 | 18:04 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2567 | 18:11 น.

เปิด 3 สาระสำคัญ การประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Spring Meetings) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 เมษายน 2567 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

นายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า ในระหว่างวันที่ 18 – 19 เมษายน 2567 นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ว่าการสำรองชั่วคราวของไทยในธนาคารโลก ได้เข้าร่วมการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Spring Meetings) ประจำปี 2567

โดยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก (Development Committee Meeting) ครั้งที่ 109 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (การประชุมฯ) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นาย Ajay Banga ประธานธนาคารโลก , นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหวางประเทศ และผู้ว่าการธนาคารโลกของ 25 กลุ่มออกเสียง ที่เป็นตัวแทนของประเทศสมาชิก 189 ประเทศ และมีหัวข้อการประชุมคือ “From Vision to Impact : Implementing the World Bank Group Evolution”

ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 109 สรุปได้ ดังนี้

1) ที่ประชุมฯ ได้ติดตามความคืบหน้าของการวิวัฒน์ธนาคารโลก (Evolution of the World Bank Group) ที่ได้ริเริ่มเมื่อปี 2566 โดยการวิวัฒน์ธนาคารโลกมีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ 

  1. การปฏิรูปโครงสร้างการดำเนินงานของธนาคารโลก
  2. การเพิ่มขีดความสามารถในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศสมาชิก
  3. การรักษาระดับความมั่นคงทางการเงิน
  4. การส่งเสริมการระดมทุนจากภาคเอกชน
  5. การพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน

 

2) ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าของการวิวัฒน์ธนาคารโลก จากประธานธนาคารโลกว่า ธนาคารโลกได้ดำเนินการเพื่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของธนาคารโลกอย่างเข้มแข็งผ่าน Environmental and Social Framework (ESF) และมีเครื่องมือเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อวิกฤต หรือ Global Challenge Programs (GCP) นอกจากนี้ ยังมีห้องปฏิบัติการการลงทุนภาคเอกชน หรือ Private Sector Investment Lab (PSIL) เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดความยากจนขั้นรุนแรง ความไม่เท่าเทียม และรับมือกับความท้าทายระดับโลก

3) ที่ประชุมฯ ได้สนับสนุนการปรับรูปแบบการบริหารองค์กรของธนาคารโลก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตและความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ และเรียกร้องให้ธนาคารโลกปรับปรุงกระบวนการอนุมัติโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและทางวิชาการเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของประเทศสมาชิกให้รวดเร็ว เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ทั้งนี้ มีการบูรณาการการดำเนินงานอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มโอกาสในการระดมทุนจากภาคเอกชน นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เน้นย้ำถึงการสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างธนาคารโลกและประเทศสมาชิกเพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการกระเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สงคราม และความขัดแย้งทางการเมือ

อนึ่ง ในห้วงการประชุม Spring Meetings ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับผู้แทนจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Moody’s และ S&P ในประเด็นสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศไทยและนโยบายการคลังในระยะปานกลาง และได้มีการหารือทวิภาคีกับผู้แทนจาก Fiscal Affairs Department ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในประเด็นการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity Development) แก่ประเทศสมาชิก 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนโยบายการคลังและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหน่วยงานภาครัฐ และได้เข้าร่วมการประชุมรายงานเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยมีรายงานว่าแม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 – 2568 จะยังเติบโตค่อนข้างต่ำ แต่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะยังคงสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจโลกกว่า 60% นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกับผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในประเด็นความร่วมมือเพื่อการเตรียมการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในปี 2569 ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพต่อไป 

การประชุมฯ เป็นเวทีที่มีความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังและด้านวิชาการระหว่างธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประเทศไทย และประเทศสมาชิกของธนาคารโลก 189 ประเทศ และเป็นโอกาสอันดีในการหารือกับผู้แทนจากประเทศสมาชิก สถาบันการเงิน และองค์กรการเงินระหว่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสามารถเป็นศูนย์กลางของความเติบโตอย่างยั่งยืนที่สำคัญต่อไปได้ในอนาคต