วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงว่า เรื่องเงินเฟ้อกับเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องใหญ่ เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 4 เดือนแล้ว เริ่มลดดอกเบี้ยได้แล้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ พื้นที่ในการลดดอกเบี้ยมีอยู่เยอะมาก การลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ รายจ่ายที่เกี่ยวข้องเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ
“นโยบายการคลังต้องไปพร้อมกับนโยบายการเงิน วันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว กรอบเงินเฟ้อยังติดลบอยู่ เพราะฉะนั้นดอกเบี้ยนโยบาย 2.5 % ลดลงไปเหลือ 2.25 % ก็ยังมีช่องว่างอีกเยอะ ถ้ามีวิกฤตเกิดขึ้นก็ยังสามารถลดลงไปได้อีก ช่องว่างยังมีอยู่อีกเยอะมาก ตอนนี้ inflation (เงินเฟ้อ) ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือ มันจะเป็น deflation (เงินฝืด) แล้ว เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยถึงเวลาแล้ว”นายเศรษฐาฝากไปถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินการมาตรการของรัฐทำให้เกิดเงินเฟ้อ ตนคิดว่าต้องทบทวนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าจะเกิดปัญหาโดยเป็นประเด็นจากเราที่ดำเนินการไป จะไม่เกิดไม่นานต่อเนื่องอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่ามันมีปัญหาที่ดำรงอยู่
“ในทางปฏิบัติรัฐบาลได้ใช้มาตรการการคลังเกือบทุกเรื่องแล้ว ทุกกระทรวงได้ดำเนินการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้มันคือปัญหามาตรการทางการเงิน”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ใช้มาตรการทางการคลังเต็มที่แล้ว ถ้าหากต้องการให้ปัญหาได้รับการแก้ไข มาตรการทางการคลังต้องทำควบคู่ไปกับมาตรการทางการเงิน
“วันนี้ต้องถามว่า ผู้ที่ดูแลมาตรการทางการเงิน ได้ดำเนินการอะไรบ้าง จะลดดอกเบี้ยไหม จะดูดซับสิ่งต่าง ๆ หรือไม่ ผมว่าตอนนี้ภาระหน้าที่อยู่ที่แบงก์กับผู้รับผิดชอบดูแลมาตรการทางการเงิน ต้องดูทั้งสองเรื่องเป็นขาที่ประกอบกันถึงจะแก้ปัญหาได้”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้วิกฤตการณ์ไม่ใช้วิกฤตการณ์ทั่วไปธรรมดา มันมีวิกฤตการณ์ทางการเงินเข้ามาประสานไปด้วย มาตรการทางการเงินเราเห็นหน่อที่มันจะเกิด เห็นแนวที่มันจะมีปัญหา เป็นความกังวลของรัฐบาล
“แบงก์ชาติต้องดูให้ละเอียด อย่าไปดูเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออย่าไปเพ่งเล็ง เอาใจใส่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องดูทั้งระบบ วันนี้จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของประเทศได้ต้องรวบรวมกันทุกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งจะทำ อีกฝ่ายหนึ่งยังค้านอยู่ จะไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้น ถ้าเกิดว่ามันเป็นอย่างที่เรากังวลและคาดหวังไว้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความล้มเหลวหรือวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นใหม่”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมองว่า หนึ่ง ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นประเด็นสำคัญที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อทั้งหมด และหลาย ๆ มาตรการกำลังรออยู่ มาตรการหลักยังไม่ขยับ ทำให้หลายเรื่องทำไม่ได้
นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมาบริหารประเทศเกือบ 5 เดือนแล้ว อยู่ภายใต้ที่ไม่มีเงินดำเนินการเลย ไม่มีเงินลงทุน เพราะงบประมาณปี 67 จะใช้ได้ คือ เดือนพฤษภาคม
นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยากวิงวอนขอร้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากให้ดูทั้งระบบ อย่าให้เป็นเรื่องที่ติดใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะการมองแยกส่วน ไม่มองทั้งระบบ ก่อให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 มาแล้ว
“สิ่งสำคัญต้องไปถามผู้ดูแลการเงินของประเทศว่า คิดอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เห็นด้วยหรือเป็นปัญหาไหม ถ้าคิดว่าไม่มีปัญหาเราก็ต้องดูอนาคต ว่าใครประเมินและมองถูกกว่ากัน ถ้ามันเกิดวิกฤตอย่างที่รัฐบาลบอก ผู้บริหารการเงินทั้งหลาย ที่ไม่ Alert และไม่สามารถเข้ามาดูแล ไม่จัดการ ก็ต้องรับผิดชอบ”นายภูมิธรรมกล่าว