ยอดเงินฝากคนไทยเติบโตติดลบ ครั้งแรกในรอบ 10 ปี

02 พ.ย. 2566 | 15:15 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2566 | 07:48 น.
826

สถาบันคุ้มครองเงินฝากเผยยอดเงินฝากคนไทยโตติบลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี พบ 81 ล้านบัญชีมีเงินน้อยกว่า 5 หมื่นบาท ระบุการคุ้มครองเงินฝากลดลง 2.12 แสนล้านบาท

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินฝากที่สถาบันการเงินคุ้มครองเงินฝากให้การคุ้มครองทั้งหมด 32 แห่ง ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่เงินฝากมีการติดลบของการโต ซึ่งแบ่งเป็น

  • ในปี 64 มีเงินฝากอยู่ที่ 15.59 ล้านล้านบาท
  • ขณะที่ปี 65 อยู่ที่ 16.17 ล้านล้านบาท
  • ล่าสุด เดือนส.ค.66 อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท  

ทั้งนี้ สาเหตุของการลดลงมาจากปัญหาสถารการณ์เศรษฐกิจ หรือประชาชนบางส่วนนำเงินไปลงทุนในเครื่องมือที่มีผลตอบแทนดีกว่า เช่น การลงทุนทองคำ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ตาสารหนี้ เป็นต้น

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.)

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในรายละเอียดจะพบว่า คนทุกกลุ่มตั้งแต่คนรวยไปจนถึงคนจนต่างมีเงินฝากในบัญชีลดลงอย่างถ้วนหน้า โดยผู้ฝากเงินที่มีเงินในบัญชีไม่เกิน 5 หมื่นบาท มีการหดตัว 3.61% ณ เดือนสิงหาคมนี้ โดยมีจำนวนรวมกันประมาณ 3.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการหดตัวที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้วที่หดตัว 0.63% คิดเป็นจำนวนเงิน 3.6 แสนล้านบาท

“ในกลุ่มคนที่มีเงินในบัญชีน้อยกว่า 5 หมื่นบาท มีกว่า 81 ล้านบัญชี มากกว่า 80% ของจำนวนผู้มีเงินฝากทั้งหมด 93.46 ล้านบัญชี และพบว่าค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้ มีเงินในบัญชีน้อยกว่า 5,000 บาท”

ขณะที่กลุ่มคนที่มีบัญชีเงินฝากมากกว่า 5 หมื่นบาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท มีการปรับลดลงทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  เช่น บัญชีที่มีเงินฝากตั้งแต่ 2-5 แสนบาท มีจำนวนรายที่ลดลง 33% แม้แต่ผู้ฝากรายใหญ่ก็มีจำนวนเงินฝากลดลงในปีนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี มองว่าตัวเลขติดลบดังกล่าวจะกลับมาดีขึ้นตามสถานการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นใน 1-2 ปีข้างหน้า

ขณะที่ปัจจุบันมีจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน 15.96 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีที่แล้วจำนวน 2.12 แสนล้านบาท เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย ขณะที่จำนวนผู้ฝากเงินที่ได้รับการคุ้มครอง มีจำนวน 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 3.37%

สำหรับจำนวนบัญชีผู้ฝากเงินที่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ยังคงขยายตัว เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 3.05 ล้านราย คิดเป็นการเพิ่มขึ้น3.37%  ปัจจุบันสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้การคุ้มครองเงินฝาก 1 บัญชีต่อ 1 ธนาคาร โดยคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี  ซึ่งวงเงินการคุ้มครองดังกล่าว สามารถให้การคุ้มครองผู้ฝากรายย่อยได้เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็น 98.09%ของผู้ฝากเงินที่ได้รับการคุ้มครองทั้งระบบ

นายทรงพล กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและเงินฝากในบัญชีนั้นคือ

  • ปัญหาเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับสูงขึ้น แม้ว่าเฟดจะmaintainอัตราดอกเบี้ยแล้วก็ตาม  แต่ยังคาดว่าปัญหาเงินเฟ้อจะยังอยู่กับเราอีกนาน อาจจะตั้งแต่6เดือนถึง1ปี 
  • สงครามที่เกิดขึ้นตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน จนถึงปัจจุบันสงครามระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งภาวะสงครามดังกล่าวเป็นการซำ้เติมเศรษฐกิจไทยหลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2020-2021ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด
  • ปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระกับสูงในปัจจุบัน

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐที่มีอัตราสูงถึง 5% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ที่2% ทำให้มีผู้ฝากเงินจำนวนหนึ่ง ถอนเงินฝากที่เป็นเงินบาท แล้วนำไปแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐ นำไปฝากในบัญชีเงินฝากต่างประเทศ  foreign deposit

อย่างไรก็ตาม ผู้ฝากในบัญชีเงินตราต่างประเทศจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และต้องรองรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย แม้จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าก็ตาม