พิษเศรษฐกิจโลกฉุดส่งออกอุตสาหกรรมชะลอ กดดัชนี MPI ก.ย. หด 6.06%

31 ต.ค. 2566 | 14:48 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ต.ค. 2566 | 14:48 น.

พิษเศรษฐกิจโลกฉุดส่งออกอุตสาหกรรมชะลอ กดดัชนี MPI ก.ย. หด 6.06% พร้อมคาด GDP ภาคอุตสาหกรรมปีนี้หดตัว 2.5–3% ด้านภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง นักท่องเที่ยว 9 เดือนแรก ปี 66 อยู่ที่ 20 ล้านคน ขยายตัว 254.98%

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 91.60 ลดลง 6.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงเฉลี่ย 6.19% ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.31 ลดลง 5.09%

ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนกันยายนอยู่ที่ 58.02% และ 9 เดือนแรก อยู่ที่ 59.83% ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่เฉลี่ย 58.01% ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังชะลอตัว สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงค่าเงินบาทในเดือนกันยายน 2566 อ่อนค่าลง 4.23% หรือประมาณ 1.50 บาท 

โดยมีเงินทุนไหลออกประเทศจากความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้าจากโครงสร้างการส่งออกของภาคการผลิตไทย ไม่ตอบสนองความต้องการของโลกในยุคปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรก ปี 2566 อยู่ที่ 20 ล้านคน ขยายตัว 254.98% ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล การแปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ผลิตภัณฑ์นม เบียร์ และเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น

พิษเศรษฐกิจโลกฉุดส่งออกอุตสาหกรรมชะลอ กดดัชนี MPI ก.ย. หด 6.06%

นอกจากนี้ การเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยภาพรวมเดือนตุลาคม 2566 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังในช่วงขาลง จากปัจจัยภายในประเทศชะลอตัวตามการลงทุนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนของไทยหดตัวลง จากการนำเข้าสินค้าทุน รวมถึงพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง และยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม 3 เดือนข้างหน้าชะลอตัวในช่วงขาลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การอ่อนค่าของเงินบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางชะลอตัว และส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง

“หลังจาก 9 เดือนแรก ปี 2566 ดัชนี MPI ลดลง 5.09% ส่งผลให้ สศอ. ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2566 อยู่ที่ลดลง 4-4.5% จากประมาณการเดิมลดลง  2.8-3.8% ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม ปี 2566 คาดหดตัว 2.5–3% จากประมาณการครั้งก่อนคาดว่าจะหดตัว 1.5-2.5% จากเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และความขัดแย้งระหว่างประเทศยังยืดเยื้อ” 

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนกันยายน 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 

พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.35% จาก Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก โดยในปีก่อนมีการลดการผลิตเนื่องจากมี Over supply ในตลาดโลก และมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย

น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.64% จากน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดส่งออก และตลาดในประเทศ ซึ่งการงดส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียจะส่งผลให้ไทยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดในประเทศขยายตัวตามกิจกรรมเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมีคำสั่งซื้อของผู้รับซื้อรายใหญ่

สายไฟและเคเบิ้ลอื่นๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.52% จากสายไฟฟ้า เป็นหลัก เนื่องจากมีรอบคำสั่งซื้อจากการไฟฟ้านครหลวง ส่วนภูมิภาค และฝ่ายผลิต รวมถึงงานโครงการของภาครัฐและเอกชนมากขึ้น

เส้นใยประดิษฐ์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 33.12% จากเส้นใยประดิษฐ์อื่น ๆ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จากคำสั่งซื้อของตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย และจีน เพื่อนำไปผลิตเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ (หลังคา เบาะ หรือ สายพานต่างๆ) และเสื้อผ้ากีฬา