สรุป 4 ทางเลือก แจกเงินดิจิทัล 10000 ชง “เศรษฐา” เคาะต้นพ.ย.นี้

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล จะเสนอรายละเอียดทั้งหมดมายังคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน ซึ่งคาดว่า บอร์ดชุดใหญ่จะมีการประชุมกันในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้

ทั้งนี้ที่ผ่านมาในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ มีมติว่าให้เสนอทางเลือกอื่น ๆ ในการแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท ต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา โดยทางเลือกที่คณะอนุกรรมการฯ นั้น มีดังนี้ 

• ให้เฉพาะกลุ่มที่เคยลงทะเบียนคนจน 15-16 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณ 150,000-160,000 ล้านบาท
• กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน 43 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณ 430,000 ล้านบาท
• กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน 49 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณ 490,000 ล้านบาท 

ด้าน นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อทางเลือกทั้ง 3 ข้อถูกนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดใหญ่แล้ว ก็ยังไม่แน่ว่าที่ประชุมใหญ่จะเห็นด้วยกับทางเลือกข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ หรืออาจจะยังคงยืนยันในทางเลือกเดิมคือแจกแบบถ้วนหน้าตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 56 ล้านคน ใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท ก็เป็นได้ ดังนั้น จะต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet ก่อน 

“ทางเลือกที่เสนอมาใหม่ทั้ง 3 ข้อนั้น ไม่ใช่เป็นความเห็นหรือข้อเสนอส่วนตัวของนายจุลพันธ์แต่อย่างใด นายจุลพันธ์เพียงเป็นผู้รวบรวมมติจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อนำไปเสนอต่อบอร์ดใหญ่เท่านั้น เหตุไฉนจึงมีคนจับประเด็นคลาดเคลื่อน แล้วพยายามปั่นกระแสเป็นทำนองว่า นายจุลพันธ์พยายามจะหาทางบิดพลิ้วไปจากนโยบายแจกเงิน 10000 บาทแบบถ้วนหน้าตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” โฆษกรัฐบาล ระบุ

• เปิดผล กฤษฎีกา ตีความ 3 กฎหมาย เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท
• ด่วน! เงินดิจิทัล ปรับเกณฑ์รับเงิน 10,000 บาท เลื่อนจ่าย พ.ค.67

สรุปแนวทางการแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท ณ ปัจจุบัน รัฐบาลยืนยันว่า มีด้วยกัน 4 ทางเลือก ดังนี้

1. ให้แบบถ้วนหน้า ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 56 ล้านคน
2. ให้เฉพาะกลุ่มที่เคยลงทะเบียนคนจน จำนวน 15-16 ล้านคน
3. กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน จำนวน 43 ล้านคน
4. กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน จำนวน 49 ล้านคน