"อุ๊งอิ๊ง" เดินหน้าซอฟต์พาวเวอร์ ถกแผนปฏิบัติการ 100 วัน ผลักดัน 11 สาขา

26 ต.ค. 2566 | 07:14 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2566 | 12:55 น.

“อุ๊งอิ๊ง” เดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ตั้งคณะอนุฯ 11 สาขา ทำแผนปฏิบัติการ 100 วันแรก จ่อแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจัดทำร่าง พ.ร.บ. THACCA เผยผนึกกทม. เตรียมจัด Winter Festival ดันรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ถึง 1.5 ล้านล้านบาทภายในปีนี้

 

หลังจากคิกออฟเปิดตัว คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา วานนี้ (25 ต.ค.2566) ที่กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ เป็นครั้งแรกระบุว่า ได้เตรียมผลักดัน นโยบายขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีการจัดทำแผน 100 วันแรกว่าจะทำอะไรบ้าง ทั้งนี้ มีการตั้งคณะอนุกรรมการ 11 สาขา ของอุตสาหกรรมต่าง ๆ (ประกอบด้วย อาหาร กีฬา เฟสติวัล ท่องเที่ยว ดนตรี หนังสือ ภาพยนตร์ เกม ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น ) ก่อนจะเสนอแผนต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงกฎหมาย และขอเบิกงบประมาณต่อไป

ทั้งนี้ ภายใต้แนวทางการการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงาน (Action Plan) คณะกรรมการชุดนี้จะมีการจัดประชุมกันทุกเดือน คณะอนุกรรมการแต่ละคณะได้เสนอแผนการดำเนินการ ซึ่งแบ่งเป็นระยะ คือแผนเร่งด่วนภายใน 100 วัน , แผนภายใน 6 เดือน และภายใน 1 ปี เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น การประชุมครั้งต่อไป กำหนดมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2566

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงข่าวหลังประชุมครั้งแรกที่ประทรวงการต่างประเทศ (25 ต.ค.2566)

“วันนี้การประชุมเน้นไปที่แผน 100 วันแรก และได้ตั้งคณะอนุกรรมการสำหรับ 11 สาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ ก่อนจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงกฎหมายและขอเบิกงบประมาณต่อไป นอกจากนี้ จะเริ่มการลงทะเบียนอบรมทักษะผ่านกองทุนหมู่บ้าน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้หลังเดือนมกราคม 2567 และหลังจากนี้ไป คณะกรรมการจะนัดประชุมกันทุกเดือน” น.ส.แพทองธารกล่าว และว่า

ได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อผลักดัน พ.ร.บ.Thailand Creative Content Agency หรือ พ.ร.บ.THACCA และจัดตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการจัดการประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ ในการจัดงาน Soft Power Forum เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย  

นอกจากนี้ ยังจะมีการผนึกกำลังกับ กทม. จัดกิจกรรม Winter Festival ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.5 ล้านล้านบาทจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวไทย 25-30 ล้านคน ภายในไตรมาส 4/2566 นี้

“วันนี้การประชุมเน้นไปที่แผน 100 วันแรก และได้ตั้งคณะอนุกรรมการสำหรับ 11 สาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ "

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ ระบุว่า ซอฟต์พาวเวอร์เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมือง เป็นพลังหรืออำนาจที่ไม่ได้มาจากกฎระเบียบ ภาครัฐไม่ได้มีซอฟต์พาวเวอร์มาก เพียงแต่เอาฮาร์ดพาวเวอร์ที่รัฐมีไปช่วยให้ซอฟต์พาวเวอร์ให้มีพลัง เช่น ย่านทรงวาด ที่พัฒนาเป็นหนึ่งใน 40 ย่านที่ cool ที่สุดของโลก ซึ่ง กทม. ทำแค่การจัดการขยะให้ดีและป้องกันน้ำท่วม ส่งเสริมให้ซอฟต์พาวเวอร์ของเอกชนในพื้นที่เกิดขึ้นได้

สำหรับเทศกาล Winter Festival มีแนวคิดว่า ไทยควรมีเทศกาลระดับโลกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วงปลายปี โดยจะยกระดับเทศกาลลอยกระทง และเริ่มจัดจากช่วงนั้นไล่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ

"Colorful Bangkok Winter Festival” กับ 5 ไฮไลท์

ก่อนหน้านี้ กทม. ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประกาศเปิดตัวเทศกาล “Colorful Bangkok Winter Festival” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวผ่าน "ซอฟต์พาวเวอร์" ของไทย ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่

  • กิจกรรมลอยกระทง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 28 พ.ย.2566 ณ คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ นำเสนอประเพณีลอยกระทงวิถีไทย สาธิตวิธีประดิษฐ์โคมและกระทงตามแบบไทย ได้แก่ โคมล้านนา กระทงกะลามะพร้าว กระทงใบลาน กระทงกาบกล้วย กระทงรวงข้าว และการประดับไฟสวยงามรอบบริเวณงาน
  • กิจกรรม Vijit Chao Phraya จัดขึ้นในเดือนธ.ค.2566 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสะพานพระราม 3 ถึงสะพานพระราม 8 มีการแสดงแสงไฟและเทคนิคสมัยใหม่อย่างการประดับไฟ (Light up) การฉายภาพบนตัวอาคาร Projection Mapping & Lighting Show การแสดงทางวัฒนธรรม ประกอบ Light & Sound และการแสดง Laser ตามแนวของสายน้ำที่คดโค้งผ่านวัดวาอาราม และย่านสำคัญที่แสดงถึงวิถีชีวิตริมน้ำ สู่แลนด์มาร์กของประเทศไทย
  • กิจกรรม Amazing Thailand Passport Privileges จัดขึ้นตลอดเดือน ธ.ค.2566 โดย ททท. ร่วมกับพันธมิตร มอบบัตรแทนเงินสดเพื่อใช้จ่ายในการเที่ยวไทย รวมทั้งมอบของระลึกจากชุมชนท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมรับส่วนลดจากสถานประกอบการท่องเที่ยว เช่นห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้า, ร้านอาหาร, ศูนย์สุขภาพ และสถานเสริมความงาม ฯลฯ
  • กิจกรรม Amazing Thailand Marathon Bangkok ครั้งที่ 6 จัดขึ้นในวันที่ 3 ธ.ค.2566 ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยกรุงเทพฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพในฐานะ Host City ถือเป็นรายการแข่งขันวิ่งมาราธอนของกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ รับรองโดยสมาคมกรีฑาโลก และเป็น 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชีย สะท้อนความพร้อมของประเทศไทยก้าวสู่ Sports Tourism Destination ชั้นนำของโลก
  • และส่งท้ายปีด้วยกิจกรรม Amazing Thailand Countdown 2567 เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยมีกิจกรรมไฮไลต์คือ การประดับไฟสวยงาม, การแสดงศิลปวัฒนธรรม, การแสดงของเหล่าศิลปิน ร่วมเฉลิมฉลองนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่พร้อมชมการแสดงพลุ

หน้าที่หลักของ"THACCA" 

นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาและกรรมการ กล่าวว่า คณะกรรมการฯเห็นว่า วัฒนธรรมเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ พร้อมเน้นย้ำว่า THACCA จะไม่ใช่เพียงหน่วยงานส่งเสริมวัฒนธรรม แต่จะต้องศึกษาวิจัยให้รู้ว่า โลกมองเราอย่างไร และตัวเราเองมองตัวเราอย่างไร เพื่อนำมาสังเคราะห์ให้เกิดบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้

ยกตัวอย่างกรณีที่ค่ายเพลงระดับโลกมีกลุ่มนักจิตวิทยาและกลุ่มนักสังคมวิทยา ในการศึกษาควรจะทำเพลงด้วยกรอบเนื้อหาใด เพื่อให้นักประพันธ์เขียนเพลง นอกจากนี้ ยังได้ยกตัวอย่างองค์กร Korea Creative Content Agency (KOCCA) ซึ่งมีการประสานงานกันตลอด โดยก่อน KOCCA จะลงทุนเป็นจำนวนมาก เขาศึกษาว่าคนชาติอื่นรับรู้สิ่งที่เรียกว่าความบันเทิงอย่างไร หรือเวลาพูดถึงอาหารไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์เกษตรไทยทั้งประเทศ แต่ THACCA จะส่งเสริมการก่อให้เกิดการรับรู้รสชาติและความรู้สึกต่ออาหารไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าของวัฒนธรรมไทย

“THACCA จะมี Food and Sensory Lab ที่จะช่วยพิสูจน์ว่าอาหารของท่านไม่มีพิษ รวมถึงทดสอบความรู้สึกที่จะรู้สึกได้ด้วยตา จมูก ปาก ว่ามีคุณภาพอย่างไร ดังนั้น เวลาจะลงทุน THACCA จึงช่วยลดความเสี่ยงผ่านการทดสอบให้” ที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติกล่าว

ด้านนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานกรรมการ กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยจะต้องผลักดัน One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวก อาทิ การให้กองถ่ายต่างชาติถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย หรือการยื่นขอจัดงานเทศกาลต่าง ๆ โดยจะให้สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นหน่วยงานหลัก เพื่อร่างและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการ 100 วันแรกจะเปรียบเสมือนการคิกออฟการขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ทั้ง 11 สาขา เช่น จะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนรายละเอียดพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์และเกม โดยจะมีการปรับให้เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมากกว่าควบคุม นอกจากนี้ หลายหน่วยงานยังสามารถเริ่มกิจกรรมการฝึกอบรมได้เลย(ใน 100 วันแรก) เช่น ในสาขาอาหาร ก็จะเริ่มอบรม 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย เรื่องของอุตสาหกรรมแฟชั่น ก็จะมีการจัดทำคอร์สออนไลน์ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเรียนสมัครเรียนได้ เป็นต้น