"กรณ์"เตือน"แจกเงินดิจิทัล 10000"เพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศ

22 ต.ค. 2566 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2566 | 08:46 น.

"กรณ์"เตือน"แจกเงินดิจิทัล 10000"เพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศ แนะควรลดเม็ดเงินของโครงการเพื่อไม่ต้องกู้ และแจกเฉพาะคนจน พร้อมเตือนว่าหากเดินหน้าต่อไม่รับฟังเสียงรอบด้านจะกลายเป็นความทรงจำด้านลบของประชาชน

แจกเงินดิจิทัล 10000 บาทยังคงเป็นนโยบายที่มีการถกเถียงกันในวงกว้าง ทั้งมีฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 10000 บาทของรัฐบาล ว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับประเทศ

ทั้งนี้ แนะนำว่า หากต้องการทำจริง ควรลดเม็ดเงินของโครงการเพื่อไม่ต้องกู้ และแจกเฉพาะคนจน และเตือนว่าหากเดินหน้าต่อโดยไม่ได้รับฟังเสียงรอบด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อาจจะกลายเป็นความทรงจำด้านลบของประชาชน

นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ดิจิทัล วอลเล็ต ว่า เท่าที่ติดตามข่าวก็ยังไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานและงบประมาณที่ใช้ ซึ่งตนคงไม่ตอบว่าควรทำหรือไม่ควรทำหรือว่าดีหรือไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ต้องการเสนอข้อคิดให้กับคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการที่กำลังดำเนินการศึกษาและเสนอแนวทางในการดำเนินนโยบายนี้ เพื่อคิดให้ครอบคลุมทุกองคาพยพแล้วก็ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้งบประมาณและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการคลังและ เสี่ยงต่อการทำผิดวินัยการเงินการคลัง

ก่อนอื่นต้องตกผลึกให้ได้ก่อนว่า นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหลักคืออะไรเช่นตามที่ผมฟังมา รัฐบาลต้องการใช้นโยบายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
 

ดังนั้น ก็ต้องตั้งคำถามว่า ถ้าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วและให้มีการหมุนของเงินเร็ว กลุ่มประชาชนกลุ่มใดที่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไว คำตอบก็ คือ กลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อย เพราะกลุ่มประชาชนกลุ่มนี้เมื่อได้เงินเป็นเงินสดหรือเงินดิจิตอลไปก็จะมีแนวโน้มในการใช้เงินทั้งหมดเลย และใช้ด้วยความรวดเร็วในการบริโภคอุปโภคบริโภค ส่วนน้อยที่จะนำไปใช้ในการต่อยอดรายได้เพื่อการลงทุนและประกอบอาชีพ

"การแจกเงินดิจิตอลให้กับทุกคนที่มีมีอายุมากกว่า 16 ปี จึงไม่น่าจะเป็นการตอบโจทย์ในการที่รัฐบาลต้องการใช้นโยบายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หากรัฐบาลต้องการดำเนินนโยบายนี้ เพื่อเป้าหมายนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินงบประมาณมากถึง 560,000 ล้านบาท รัฐบาลเพียงแต่แจกเงินดิจิตอลให้กับกลุ่มฐานรากหรือกลุ่มที่มีรายได้น้อยน่าจะเพียงพอแล้ว ทำให้ใช้เงินงบประมาณหรือการกู้เงินมาน้อยกว่าจำนวน 560,000 ล้านบาท”