"พิมพ์ภัทรา"ถกญี่ปุ่นต่อยอดร่วมมือระดับท้องถิ่นดันเศรษฐกิจพันล้าน

19 ต.ค. 2566 | 15:20 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2566 | 15:20 น.

"พิมพ์ภัทรา"ถกญี่ปุ่นต่อยอดร่วมมือระดับท้องถิ่นดันเศรษฐกิจพันล้าน ชี้ญี่ปุ่นยังคงเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากสุดเป็นอันดับ 1 มีสัดส่วนสูงถึง 40% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับนายคิชิโมโตะ ชูเฮ ผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น ในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอี (SMEs) ของทั้งสองประเทศ 

ทั้งนี้ มุ่งหวังให้มีการต่อยอดเชื่อมโยงการยกระดับศักยภาพภาคอุตสาหกรรมระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยปัจจุอย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากสุดเป็นอันดับ 1 มีสัดส่วนสูงถึง 40% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศที่มีการเกื้อกูลกัน 

อีกทั้งหน่วยงานของไทยได้มีการผลักดันนโยบายการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมร่วมมือกันในทุกมิติ ส่งผลให้เกิดการขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในบริบทและรูปแบบที่กว้างและหลากหลายมากยิ่งขึ้น 

"ประเทศไทยและญี่ปุ่น นับว่ามีความสัมพันธ์กันมาเป็นเวลายาวนานถึง 136 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจและการเมือง ความร่วมมือทางการค้า การพัฒนาอุตสาหกรรม การร่วมทุน-ลงทุน และการท่องเที่ยว"

"พิมพ์ภัทรา"ถกญี่ปุ่นต่อยอดร่วมมือระดับท้องถิ่นดันเศรษฐกิจพันล้าน

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม ได้สานสัมพันธ์ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานของประเทศญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องในการยกระดับขีดสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และหลักการ BCG Economy เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 กระทรวงอุตสาหกรรม 

ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ รวมถึงความร่วมมือกับจังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น ในการส่งเสริมและพัฒนาการลงทุนจนเกิดเป็นคู่ค้า นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูง และการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมร่วมกันของทั้งสองประเทศในอนาคต

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้สร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ประเทศญี่ปุ่น ในการยกระดับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอีของทั้งสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเน้นความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นในลักษณะ Local-to-local ผ่านการลงนามความร่วมมือ MOU ไปแล้ว 23 แห่ง
 

โดยในปัจจุบันมีผู้แทนจากจังหวัดวากายามะมาประจำที่โต๊ะญี่ปุ่น (Japan Desk) ตั้งแต่ปี 2562 - ปัจจุบัน เพื่อสร้างเสริมโอกาสในการแลกเปลี่ยนบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญระหว่างกัน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี-นวัตกรรมการผลิต รวมถึงการร่วมกันจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ เพื่อโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจในระดับสากล 

สำหรับในระยะเวลาประมาณ 4 ปีที่ผ่านสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะความร่วมมือในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องเขินกับจังหวัดวากายามะ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิด เทคนิคเพื่อพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของความร่วมมือและสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศที่สามารถเชื่อมโยงและต่อยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี