"ชัชชาติ" เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ ผลักดันกทม.เป็นศูนย์กลางบริษัทข้ามชาติ

02 ก.ย. 2566 | 18:12 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2566 | 18:33 น.

"ชัชชาติ" เตรียมลิสต์ประเด็นหารือรัฐบาลใหม่ เพื่อเป็นแนวทางการทำงานร่วมกัน หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการผลักดันให้ กทม.เป็น ศูนย์กลางของบริษัทข้ามชาติ สร้างงาน สร้างรายได้ กระจายให้กับทุกภาคส่วน

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยวันนี้ (2 ก.ย.) ถึงแผนการเข้าพบ รัฐบาลชุดใหม่ เพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกันว่า ได้เตรียมลิสต์ไว้แล้วว่าจะหารือในประเด็นใดบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการผลักดันให้ กทม.เป็น ศูนย์กลางของบริษัทข้ามชาติ และยังมีอีกหลายประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่องการจราจร ปัญหารถติดซึ่งมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง เรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอส ค่าโดยสาร และเรื่องภาระหนี้

"หนึ่งนโยบายสำคัญที่กทม.จะต้องนำเข้าไปหารือ และคงสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล คือการผลักดันให้กทม.เป็นศูนย์กลางของบริษัทข้ามชาติ เพราะเศรษฐกิจคือหัวใจของเมือง เพราะเศรษฐกิจคือการสร้างเมือง สร้างรายได้ ในขณะที่เมืองคือตลาดแรงงาน การที่คนมาอยู่ในเมืองเพราะมีงาน และจะมีงานได้ต้องดึงบริษัททั่วโลกให้มาที่กทม. เพื่อให้เกิดการจ้างงาน หากมีบริษัทที่มีคุณภาพจากทั่วโลกมาอยู่ในไทยจะเป็นการสร้างงาน ครอบคลุมไปถึงผู้ที่มีห้องให้เช่า คนขับรถแท็กซี่ ร้านอาหาร เกษตรกร ผลที่ได้จะเป็นห่วงโซ่การบริโภคที่จะสามารถลงไปถึงรากหญ้าได้"

"ยังมีอีกหลายประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่องการจราจร ปัญหารถติด เรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอส ค่าโดยสาร และเรื่องภาระหนี้"

ผู้ว่ากทม.ยังกล่าวด้วยว่า การลงทุนในสมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมแต่อย่างใด แต่เป็นการลงทุนในภาคบริการหรือการ service การเงิน start up และธุรกิจ Innovation ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง

ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงต้องร่วมกับรัฐบาล หรือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อดึงดูดนักลงทุน ที่ผ่านมากทม.มีการหารือกับหอการค้าต่างประเทศมาโดยตลอด ตลอดจนหารือกับนักลงทุน นักธุรกิจชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย โดยได้สอบถามปัญหาและความต้องการ เพื่อให้เห็นว่ากทม.มีความจริงใจในการดูแลนักลงทุน

"เรามีโครงการจะทำเป็น One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุน และกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอโอกาสเพื่อพูดคุยความเป็นไปได้กับรัฐบาล เพื่อดึงรายได้เข้ามาในกรุงเทพฯให้ได้  กรุงเทพฯในปัจจุบันมีความน่าอยู่มาก มีปัจจัยหลายอย่างมีความเหมาะสม ทั้งสถานที่ตั้งออฟฟิศที่ราคาไม่แพง มีโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลที่สามารถรองรับบุคลากรของบริษัทข้ามชาติได้ ถือว่าโอกาสนี้เป็นนาทีทองของเรา" ผู้ว่าฯกทม. กล่าว