ฝากความหวังรัฐบาล "เศรษฐา" เร่งปราบหมูเถื่อนให้สิ้นซาก ดูแลอย่าให้ขาดทุน

26 ส.ค. 2566 | 16:05 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2566 | 16:20 น.

ผู้เลี้ยงหมูฝากความหวังรัฐบาล "เศรษฐา"เร่งกำจัดหมูเถื่อนให้สิ้นซาก ช่วยดูแลราคาหน้าฟาร์มอย่าให้ขายขาดทุน พร้อมยกระดับมาตรฐานสุกรไทยให้ดีขึ้น ยันไม่ว่าใครมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเกษตรฯ-พาณิชย์ พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ในการผลิตหมูคุณภาพเพื่อผู้บริโภค

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่คนที่ 30 แล้ว เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มีประสบการณ์มาจากภาคธุรกิจชั้นนำ จะสามารถฟอร์มทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ และนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้  โดยฝากความหวังให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ปราบปรามหมูเถื่อนต่อเนื่อง และเร่งผลักดันการยกระดับมาตรฐานสุกรไทยต่อไป

“ท่านนายกฯเศรษฐา มีพื้นฐานประสบการณ์ด้านธุรกิจมาเป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าท่านจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น และขอฝากท่านดูแลธุรกิจสุกรอย่างใกล้ชิด เพราะช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรหายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยเกษตรกรต้นน้ำ จึงอยากให้ท่านให้ความสนใจกับอาชีพเกษตรกรและคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ผลิตอาหารกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการกำกับดูแลการจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์ม อย่าให้ผู้เลี้ยงสุกรต้องแบกรับภาระขาดทุนและขายผลผลิตได้ต่ำกว่าต้นทุนเป็นระยะเวลายาวนานดังเช่นที่ผ่านมา ควรมีการใช้มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่เข้ามาดูแลอย่างทันเหตุการณ์ เนื่องจากสินค้าสุกรและปศุสัตว์ไม่มีการประกันราคาขั้นต่ำเหมือนสินค้าพืชไร่อื่น ๆ

ฝากความหวังรัฐบาล \"เศรษฐา\" เร่งปราบหมูเถื่อนให้สิ้นซาก ดูแลอย่าให้ขาดทุน

สำหรับประเด็นหมูเถื่อนนั้น ยังคงต้องขอให้รัฐตรวจสอบปราบปรามอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดความเข้มงวดในการป้องกันและติดตามตรวจสอบ อย่าให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำสอง เพราะนี่คืออีกปัจจัยหลักที่ทำให้เกษตรกรต้องหายไปจากระบบ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับหมูเถื่อนผิดกฎหมายเหล่านั้นได้ กระทั่งต้องประสบภาวะขาดทุนสะสมติดต่อกันหลายเดือน

ฝากความหวังรัฐบาล \"เศรษฐา\" เร่งปราบหมูเถื่อนให้สิ้นซาก ดูแลอย่าให้ขาดทุน

ขณะเดียวกันผู้เลี้ยงสุกรในประเทศไทย มีความพยายามในการยกระดับมาตรฐานการผลิตสุกรให้เข้าสู่ระบบไบโอซีเคียวริตี้จนประสบความสำเร็จ เป็นการป้องกันโรคระบาด ASF ที่มีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มอัตราการให้ลูกของแม่พันธุ์จากปกติ 21-22 ตัว/แม่/ปี เป็น 23-24 ตัว/แม่/ปี หรือมากขึ้นถึง 5% นับเป็นอีกก้าวของการพัฒนาวงการสุกรไทยที่หวังให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ให้ความสนใจเดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ด้าน พร้อมผลักดันนโยบายยกระดับให้สุกรกลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยในอนาคต 

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า ไม่ว่าผู้ใดจะเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ กระทรวงพาณิชย์ ขอให้มั่นใจว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงและทุกคนในแวดวงสุกรไทยทำงานเต็มที่ และพยายามอย่างที่สุดในการผลิตสุกรคุณภาพเพื่อผู้บริโภค และผลผลิตสุกรไทยเป็นที่ยอมรับจากทุก ๆ ประเทศในภูมิภาค หากได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการเอาใส่ใจถึงคุณภาพชีวิตของเกษตรกรภาคปศุสัตว์ ช่วยดูแลเสถียรภาพราคา หรือผลักดันการสร้างความมั่นใจในการนำเข้าสุกรไทยให้แก่ประเทศต่างๆ อุตสาหกรรมสุกรของไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยได้อย่างมากแน่นอน