ตลาดกาแฟไทยคึก แห่ปั้น "Specialty Coffee" ชิงแชร์ตลาดโลก
ตลาด Specialty Coffeeโตแรง ปลุกตลาดกาแฟไทยคึกคัก จับตาผู้เล่นหน้าใหม่ตบเท้าปั้น “กาแฟพิเศษ” สัญชาติไทยไปเวทีโลกหวังสร้าง Coffee Ecosystem กรุยทางสู่ Coffee Hub of Asia ใน 3 ปี
นายกรณ์ สงวนแก้ว อุปนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคกาแฟสูงขึ้นเท่าตัวจาก 180 แก้วต่อคนต่อปี เป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศแถบยุโรปที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 600 แก้วต่อคนต่อปี นั่นหมายความว่าตลาดกาแฟในประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อีก ขณะเดียวกันกระแสความนิยมของ Specialty Coffee หรือกาแฟพิเศษในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากมีการจัดงาน Thailand Coffee Fest เทศกาลกาแฟแรกที่ส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ในคุณค่าและความพิเศษของกาแฟพิเศษสัญชาติไทย ส่งผลให้ปัจจุบันกระแสความนิยมกาแฟพิเศษในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีจนเป็นแรงหนุนให้ภาพรวมตลาดกาแฟพรีเมี่ยมไต่ระดับขึ้นอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท โดย Specialty Coffee ครองมูลค่าตลาดประมาณ 2,000 ล้านบาทหรือราว 10% ของตลาดรวม
สำหรับ Specialty Coffee หรือ กาแฟพิเศษ เป็นกาแฟที่คัดเมล็ดที่มีคุณภาพก่อนนำไปผ่านกระบวนการแปรรูป และคั่วอย่างมีหลักการ ทำให้กาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัว ให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากกาแฟปกติ ที่สำคัญคือราคาขายสูงขึ้นเท่าตัวจากกาแฟทั่วไป เช่น กาแฟพิเศษสัญชาติไทยจากแหล่งปลูกบ้านมณีพฤกษ์ ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทยในปีนี้ สามารถทำราคาประมูลได้สูงถึง 10,010 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านนายจุลพีระ สายตระกูล กรรมการบริหาร บริษัท บี.บี.กรูพส์ เทรดดิ้ง จํากัด บริษัทในกลุ่ม พี บี พาร์ทเนอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกาแฟตระกูลโรบัสต้า (Robusta) จนถูกมองว่าจะเป็นอนาคตของกาแฟ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์กาแฟอาราบิก้ามีราคาพุ่งขึ้นสูงทั่วโลก การขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงจากการการแข่งขัน WORLD BARISTA CHAMPIONSHIP 2022 ที่มีการใช้กาแฟโรบัสต้า และชนะรางวัลที่ 4 จนทำให้วงการกาแฟของโลกกลับมาให้ความสนใจกาแฟโรบัสต้าที่ไม่ใช่แค่กาแฟสำหรับผลิตเครื่องดื่มสำเร็จรูป
ส่งผลต่อเนื่องให้ความต้องการของกาแฟโรบัสต้ามีเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเล็งเห็นโอกาสในการเติบโต จึงเปิดตัว “ภิรมย์ คอฟฟี่” แบรนด์กาแฟโรบัสต้าใหม่ จากแหล่งปลูกในภาคเหนือของไทย ในรูปแบบ Fine Robusta เพื่อลบภาพจำเดิมของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่มักจะมีกลิ่นหืน ไม่เหมาะสำหรับการชงกาแฟ หรือสร้างสรรค์เครื่องดื่มแบบสดใหม่ และเป็นอีกทางเลือกสำหรับภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มกาแฟและผู้บริโภคทั่วไปและยกระดับคุณภาพของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยสู่สากล
ขณะที่นายช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด กล่าวว่า กระแส Specialty Coffee ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในทุกปี เห็นได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมงานทั้งผู้ที่อยู่ในธุรกิจและอุตสาหกรรมกาแฟ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยปีที่ผ่านมามีผู้ร่วมงานสูงถึง 76,342 คน ถือเป็นงานกาแฟที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานสูงเป็นอันดับ2 ของโลก สร้างมูลค่าเศรษฐกิจภายในงานมากกว่า 570 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ร่วมงานมากกว่า 1 แสนคน โดยเชื่อว่าจะเกิดมูลค่าเศรษฐกิจในภาพรวมไม่น้อยกว่า750 ล้านบาท
“ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา Thailand Coffee Fest ได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับวงการกาแฟไทย รวมถึงการสร้าง Coffee Ecosystem ที่แข็งแกร่ง นำไปสู่การยกระดับ Coffee Economy ที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นที่ยอมรับจากผู้คนในวงการกาแฟไทยและต่างประเทศ พร้อมประกาศเดินหน้าสู่การเป็น Coffee Hub of Asia ใน 3 ปี และเรายังตั้งเป้าหมายจากการเป็นผู้บุกเบิกงานอีเว้นท์แบบ Sustainable Event ครั้งแรก สู่เป้าหมายใหม่ในการการเป็นอีเว้นท์ Net Zero แห่งแรกในประเทศไทย”
โดยในปีนี้ Thailand Coffee Fest 2023 จะยิ่งใหญ่กว่าทุกปีบนพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. ซึ่งจะจัดแบ่งออกเป็น 9 โซน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรักกาแฟ ทั้งผู้ที่อยู่ในธุรกิจต้นน้ำ ผู้ประกอบการ นักธุรกิจที่สนใจเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ ผ่านกิจกรรมทั้ง การเสวนา เวิร์คช้อป การประกวดทั้งระดับประเทศและระดับโลก โดยมี ไฮไลท์สำคัญ คือ การแข่งขัน World Es Yen Championship 2023, การแข่งขัน Thailand Coffee Event 2024 และการประกวด Thailand Coffee Packaging Awards 2023
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,905 วันที่ 16 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2566