เปิดใจ “เฮียฮ้อ” คัมแบ็คธุรกิจเพลงในเวลาที่ใช่

13 ก.ค. 2566 | 05:17 น.
2.3 k

“เฮียฮ้อ” ย้ำไม่สายสำหรับการคัมแบ็ค "ธุรกิจเพลง" เชื่อเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหลังซุ่มจัดกระบวนทัพใหม่เตรียมโกยรายได้ 2 ปี 1,200 ล้านบาท พร้อมดัน “RS Music ” เข้าตลาดหุ้น

เป็นเสือซุ่มเงียบมานานสำหรับหนึ่งในบิ๊กเพลย์เยอร์ที่เคยทรงอิทธิพลอย่างมากในยุค 90 สำหรับ อาร์เอส ค่ายเพลงเบอร์ต้นของไทย หลังจากสโลว์ดาวน์ธุรกิจเพลงและหันไปโฟกัสธุรกิจ commerce มานานหลายปี ล่าสุด “เฮียฮ้อ” ออกมาประกาศ Come back ธุรกิจเพลงอีกครั้งสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมเพลง

“เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
 ซึ่งหัวเรือใหญ่อย่าง “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)   เปิดใจถึงเหตุผลการกลับมาธุรกิจเพลงว่า “เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม” อาร์เอสมีความเชื่อมั่นมากว่าจะสามารถสร้างอิมแพคให้กับวงการเพลง ด้วยเหตุผลหลายๆประการอย่างแรกคืออาร์เอสมีการจัดโครงสร้างองค์กรของ RS music ใหม่ มี Business Model ที่คิดว่าสมบูรณ์ครบและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็มีการวางแผนธุรกิจ วางแผนกลยุทธ์และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อสร้างการเติบโต พร้อมกับตั้งเป้าหมายปลายทางที่จะนำพา RS Music เข้าสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

“ ด้วยสภาพแวดล้อมของ landscape โดยเฉพาะดิจิตอลที่ตอนนี้บริการ Streaming Online เติบโตอย่างมากมีการประมาณการว่าในปี 2566 - 2570 ตลาดStreamingทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5%  ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงมากจากฐานที่ใหญ่มาก ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยอินเตอร์เน็ตถูกใช้ไปในการฟังเพลงถึง 22 % และมีคนไทยฟังเพลงวันละ 1.8 ชั่วโมง ซึ่งตัวเลขนี้ต้องยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมากและไทยจัดอยู่ในอันดับต้นๆของโลกในการใช้เวลาบนโลกอินเตอร์เน็ตและใช้เวลากับการเสพเพลง

แลนสเคปอุตสาหกรรมเพลง
ดังนั้นนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ใช่มากที่จะกลับมาทำธุรกิจเพลงในยุคสมัยนี้อย่างจริงจัง หลายๆคนทราบว่า อาร์เอสเป็นรายแรกที่เฟดตัวเองในยุคที่ธุรกิจเพลงพึ่งพาฟิสิกคอล แต่เราไม่ได้เลิกทำเพลงแต่ยังทำธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ และรอเวลาที่เหมาะสมซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีและถูกต้อง ผมเชื่อว่า RS  Music จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจเพลงในวิสัยทัศน์ใหม่ ในรูปแบบใหม่กับสภาพแวดล้อมใหม่ๆในปัจจุบันได้อย่างคล่องตัว ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพอย่างมาก”

สำหรับการกลับมาในครั้งใน เฮียฮ้อเล่าว่า RS  Music ให้ความสำคัญกับความคล่องตัว ยืดหยุ่น เปิดกว้างและไร้กรอบ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ RS  Music สามารถมี partner ทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะระดับ Number One ของโลกอย่าง  ‘ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป’ (Universal Music Group หรือ UMG) ซึ่งเป็นประการสำคัญที่วางไว้เพื่อบรรลุเป้าหมายความสำเร็จในแง่ตลาด  การมีผลประกอบการที่ดีและเป็นเรือธงอีกธุรกิจหนึ่งของ RS นับจากวันนี้เป็นต้นไป

 

โครงสร้างความร่วมมือของ RS กับ UMG

“เราตั้งกิจการร่วมค้า (Joint Venture)ขึ้นมาใหม่เพื่อบริหารลิขสิทธิ์ Back catalog ทั้งหมดของเราโดย UMG จ่ายเงินลงทุนให้เรา 1,600 ล้านบาทแลกกับการถือหุ้น 70%  หลังจากนี้ Back catalog ทั้งหมดที่RSเคยมีจะถูก UMG  เข้ามาบริหารลิขสิทธิ์ทั้งหมดผ่านพอร์ตของUMG  กับ Partner ที่เป็น Streaming Online ต่างๆ ทั้งYouTube, Facebook, Instagram, TikTok ,Spotify, Apple Music, JOOX และอื่นๆ ส่วนออฟไลน์ทาง RS ยังเป็นผู้บริหารเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ การทำมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง และการใช้งานรูปแบบอื่น ๆ อาทิ การจัดคอนเสิร์ต และโชว์บิซ 

 

อย่างไรก็ตามความร่วมมือระหว่าง RS กับ UMG เป็นพาร์ทใหญ่ไม่ใช่แค่การตั้ง JV แล้วบริหาร Back catalog เท่านั้น แต่UMG ยังเข้ามาเป็น partner ในการทำธุรกิจเพลงใหม่ๆที่ RS จะกลับมาทำแบบครบวงจร ในการเป็น distribute ให้ นั่นหมายความว่าจะทำให้ธุรกิจเพลงของ RS มีตลาดที่กว้างขึ้น   เพิ่มประสิทธิภาพในการทำรายได้ออนไลน์  และต่อยอดในศักยภาพของศิลปินใหม่ที่ RS กำลังจะสร้างขึ้น 


โครงสร้างของ RS Music ปัจจุบัน
 

“ตามโครงสร้างของ RS Music วันนี้เรามีธุรกิจใหม่ที่กำลังเดินไปข้างหน้าครบ 5 กล่องสมบูรณ์แบบ เป็น Total Music ที่ธุรกิจเพลงควรจะทำ ขณะเดียวกันเราก็ยังมองหาการสร้าง recurring Income  ผ่านการจับมือกับPartner ใหม่ๆ เช่นUMG และแกรมมี่ ซึ่งเรายังมีโอกาสที่จะต่อยอดทำ Project อื่นๆ ได้อีก 

 

วันนี้เรามองว่าการทำธุรกิจถ้าจับมือกันได้และเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายมันก็เป็นเรื่องที่คุยกันได้ เพราะฉะนั้นเรายังเปิดโอกาสให้กับพาร์ทเนอร์รายใหม่ๆเข้ามา ตอนนี้มีการพูดคุยกับ Partner ทั้งไทยและต่างประเทศ และเชื่อว่าในอนาคตรายได้จาก recurring Income จะเป็นพอร์ตที่ใหญ่ขึ้น ส่วนรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์Back catalogจะเติบโตปีละประมาณ 30%  บวกกับรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ใหม่ๆอีกเส้นหนึ่งเกิดขึ้นด้วย”

 

ประมาณการรายได้

ในส่วนของการประมาณการรายได้ปีนี้ RS Music ตั้งเป้าไว้ที่ 720 ล้านบาท เติบโตได้ 30%  เป็นรายได้จากการ monetization 130 ล้านบาท, Marketing และ brandingต่างๆ 300 ล้านบาท, โชว์บิชและคอนเสิร์ต 350 ล้านบาท, บริหารศิลปิน 40 ล้านบาท และเรามีธงไว้ที่ปี 2568 จะต้องมีรายได้ 1,200 ล้านบาท ซึ่งตามแผนประมาณปลายปี 2567 ข้ามไปจนถึงต้นปี 2568 เราคาดหวังว่า RS Music จะสามารถเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ และเชื่อว่ารายได้จากนี้ไป 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จะมาจากmonetization 40% ที่เหลือจะเป็น Marketing และ branding 25% โชว์บิชและคอนเสิร์ต 25%  และบริหารศิลปินอีก  10% 

 

“RS Music วันนี้เรามีเป้าหมายชัดเจนในเรื่องของตัวเลข ,Milestone เข้าตลาดปีไหนเรามีเป้าหมายชัดเจนส่วนวิธีการทำงาน เราจะทำงานกับทุกค่ายเพลงแบบเพื่อน เป็นพาร์ทเนอร์กัน หามุมที่จะจับมือกันได้ ภาพวันนี้ไม่มีเบอร์ 1 เบอร์ 2 หรือเบอร์ 3 สเกลไม่ได้สำคัญในการทำธุรกิจเพลงบนโลกดิจิตอลปัจจุบันเพราะโลกกว้างมาก 

 

การที่ RS Music กลับมาขับเคลื่อนและทำธุรกิจเพลงอย่างจริงจังอีกครั้ง เป็นการตั้งเป้าจากยอดลิขสิทธิ์เดิมของเราเป็นฐาน เราไม่ได้นับ 1 ใหม่   เรายังมีสกิลเดิมๆอยู่ที่สำคัญเรามี Connection  เพราะฉะนั้นการที่เรากลับมาทำ RS Music ในวันนี้ครึ่งหนึ่งเรามีอยู่แล้วส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือออกแบบ RS Music ให้เป็นบริษัทเพลงที่เหมาะกับยุคนี้และเติบโตได้อย่างแข็งแรง

กลยุทธิ์การเติบโต ตอนนี้ในขาธุรกิจเพลง RS Music มี3 พอร์ตในมือคือ 1 Homecoming เราจะดึงศิลปินเดิมของเรากลับมาทำงาน  ส่วนที่ 2 New Comer การสร้างกลุ่มศิลปินใหม่ซึ่งตอนนี้เรามีศิลปินประมาณ 7 กลุ่มที่กำลังเตรียมตัวเดบิวต์มีผลงานออกมาประมาณไตรมาสที่ 4 ทั้งบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปต่างๆ ซึ่งถ้ามี potential สูง ปีนี้ทั้งปีเรามีแผนที่จะออก Single ใหม่ 150 เพลง นั่นหมายความว่าเครื่องปีหลังเราจะต้องออกเพลงร่วมร้อยเพลง การออกเพลงใหม่ในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรอเวลาเพราะออนไลน์สามารถปล่อยได้เลย แต่ละศิลปินก็จะมี activity และกลุ่มเป้าหมายมีแฟนคลับของตัวเอง  และแน่นอน Partner ของเราจะเป็นแรงส่งในการไปเติบโตต่างประเทศ และพาร์ทที่ 3 คือการทำผลงานเพลงร่วมกับศิลปินค่ายต่างๆในประเทศไทยและต่างประเทศ

พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล นอกจากโครงสร้างธุรกิจที่ถูกปรับแล้ว โครงสร้างทีมบริหารเป็นอีกส่วนที่เฮียฮ้อให้ความสำคัญ โดยให้ยก “พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อขับเคลื่อน RS Music ยุคใหม่ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ และสามารถนำพา RS Music เติบโตเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามเป้าหมาย นอกจากนี้เฮียฮ้อยังแง้มว่าตอนนี้ RS Music ยังอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างส่วนอื่นๆ ส่วนจะมีหน้าตาอย่างไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป