แลนด์สเคปสื่อเปลี่ยน “MI” เปิดแนวรุก Music & Festival สร้าง New S-Curve

24 เม.ย. 2566 | 17:22 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2566 | 17:29 น.

MI GROUP ชี้แลนด์สเคปสื่อเปลี่ยน โจทย์ท้าทายนักการตลาด หันขยายไลน์ธุรกิจปั้น Music & Festival สร้าง New S-Curve แหล่งรายได้ใหม่ ตอบโจทย์คนยุคใหม่

นายภวัต เรืองเดชวรชัย, PRESIDENT & CEO, MI GROUP กล่าวว่า  สถานการณ์ COVID – 19 ช่วงที่ผ่านมา คือหนึ่งใน Disruption ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในโลกธุรกิจอย่างมากมาย โดยเฉพาะในมุมของธุรกิจโฆษณาและเอเยนซีมีเดีย ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตและผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง

ในมุมของนักการตลาดยังพบว่า ในช่วง 2 – 3 ปีนี้ ภูมิทัศน์สื่อจะกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น จากการกระจายตัวของ “แพลตฟอร์มสื่อ” โดยเฉพาะด้านออนไลน์ ทำให้โลกการสื่อสารซับซ้อนและยากต่อการเจาะกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในด้านพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน

ภวัต เรืองเดชวรชัย - สมเกียรติ กิจเชวง

และมีการแตกกระจายเป็นกลุ่มก้อนที่ยิบย่อยมากขึ้น (More Fragmented Audiences) และลงลึกไปในระดับ Subculture และยิ่งเมื่อสังคมไทยได้ก้าวสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มตัว แต่เจนเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในสังคมมีอัตราที่ลดต่ำลง ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการบริโภคสื่อทั้งด้านออฟไลน์และออนไลน์

ทั้งนี้ MI GROUP เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยในปีที่ผ่านมา MI GROUP ได้ประกาศวิสัยทัศน์เชิงรุกในการก้าวสู่การเป็น A Trusted Advisor ที่ไม่ใช่แค่ Traditional Media Planning & Buying แต่เป็น 360° Solution Providers ในมุม MarCom

เพื่อการเป็นเพื่อนคู่คิดและเป็นที่ปรึกษา ที่พร้อมจะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาด้วยเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดใหม่ๆ จาก MI Learn Lab ที่จะเข้ามาทำหน้าที่สร้าง Marketing Tool ใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ และส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่ได้จาก Marketing Insights ให้กับลูกค้า 

“จากแนวโน้มของภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความซับซ้อนมากขึ้นพร้อมการแตกเซ็กเมนต์ที่ยิบย่อยมากขึ้นไปอีก ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ในแง่ของการทำธุรกิจจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

แลนด์สเคปสื่อเปลี่ยน “MI” เปิดแนวรุก Music & Festival สร้าง New S-Curve

ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา MI GROUP จึงได้ศึกษาและพยายามสำรวจหาแหล่งรายได้ใหม่เพื่อสร้าง New S-Curve ที่จะมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งการต่อยอดจะมุ่งไปในแนวทางการขยายออกจากธุรกิจปัจจุบันที่ทำอยู่ เนื่องจากมีบุคลากร มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีความถนัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว”

โดยหนึ่งใน MI GROUP’s Biz Extension ที่มองเห็นโอกาสทางการตลาด คือ Content Biz ซึ่งเป็นธุรกิจการผลิต Content ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในรูปแบบการเป็นเจ้าของเอง หรือเป็นเจ้าของร่วมกับพาร์ทเนอร์ รวมถึงการร่วมผลิต Content ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายย่อยแต่ละกลุ่ม (Subculture) ที่ปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น

โดยรูปแบบของ Content Biz ที่ได้เริ่มทำไปแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือการร่วมลงทุนผลิตรายการโทรทัศน์ อาทิ รายการกีฬา ประเภทมวย , รายการวาไรตี้ ประเภท เกมโชว์ ท่องเที่ยว และรายการอาหาร ซึ่ง MI GROUP เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การออกแบบเนื้อหาและรูปแบบรายการ เพื่อให้เกิดความสมดุลของ Content & Brand (Advertisers)

นายสมเกียรติ กิจเชวง Chief Trade Officer, MI GROUP กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ที่ผ่านมา ทาง MI GROUP ได้ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Biz Extension เพื่อสร้าง New S-Curve ในแสวงหาแหล่งรายได้ใหม่ที่ยั่งยืนมากขึ้น จึงได้ต่อยอดขยายธุรกิจในกลุ่ม Content Biz ออกไปอย่างต่อเนื่อง

แลนด์สเคปสื่อเปลี่ยน “MI” เปิดแนวรุก Music & Festival สร้าง New S-Curve

เพราะมองว่า หลังสถานการณ์ของวิกฤต Covid-19 เริ่มคลี่คลาย ทาง MI GROUP มองเห็นโอกาสจากความต้องการของกลุ่ม Gen Y และ Z ที่มองหา Physical Experience ในด้าน Music & Festival หลังจากที่เก็บกดมาหลายปี ทางบริษัทจึงได้เริ่มศึกษาพฤติกรรมของกลุ่ม Korean Fandom Communities ซึ่งมีกลุ่มย่อยอยู่เป็นจำนวนมาก

“สาเหตุที่เราเข้าสู่ธุรกิจคอนเสิร์ต เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคและรูปแบบการใช้สื่อที่เปลี่ยนไปได้ส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจ ทำให้เราต้องมองหาช่องทางใหม่ๆ ที่จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้คืนกลับมา เพราะอาศัยการสร้างรายได้จากมุมของการเป็นเอเยนซีแบบเดิมๆ เช่น การยิงแอด หรือการบริหารสื่อในวิธีการเดิมๆ ไม่เพียงพอที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อีกต่อไป

เราจึงแตกไลน์ไปสู่ช่องทางใหม่ๆ แต่ยังอยู่ใน Ecosystem เดิมที่ยังมีความถนัด วันนี้เมื่อเราเปลี่ยนบทบาทมาสู่การเป็นนักลงทุนในธุรกิจคอนเสิร์ต ที่ต้องมีการจ่ายเงินเซ็นสัญญากับต้นสังกัดของศิลปินก่อนมาเปิดคอนเสิร์ต ทำให้ต้องมีกระบวนการคัดเลือกศิลปินเพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเรามองเห็นเทรนด์ของไอดอลจีนกำลังมาแรง และแฟนคลับในประเทศไทยกำลังให้ความสนใจเช่นเดียวกันกับแฟนคลับในประเทศจีน เราจึงให้น้ำหนักกับคอนเสิร์ตจากศิลปินจีนเป็นหลัก”