นิ่มลีสซิ่งแจกใหญ่ฉลอง38ปีขยายสาขาปั้นสินเชื่อ4พันล้านรอเข้าตลาดปี69

15 เม.ย. 2566 | 08:26 น.
อัปเดตล่าสุด :15 เม.ย. 2566 | 08:38 น.

นิ่มลิสซิ่ง ผู้นำนาโนไฟแนนซ์ภาคเหนือ แจกโชคใหญ่ฉลอง 38 ปี ก่อมูลค่านับล้าน ปั้นยอดสินเชื่อปีนี้ทะลุ 4,000 ล้านตามเป้า เร่งขยายสาขาเติมเทคโนโลยีเตรียมตัวเข้าตลาดปี 2569

นายชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิ่มลีสซิ่ง จำกัด ในเครือนิ่มซี่เส็ง กล่าวว่า บริษัทฯจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2528 ในชื่อบริษัท เชียงใหม่นิ่มลีสซิ่ง จำกัด เพื่อทำธุรกิจไฟแนนซ์รถยนต์และจักรยานยนต์ในภาคเหนือ ต่อมาปี 2558 ผู้บริหารซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงจดทะเบียนบริษัทขึ้นใหม่แยกจากบริษัทเดิม โดยใช้ชื่อ “บริษัท นิ่มลีสซิ่ง จำกัด” เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2560 เพื่อทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ภายใต้กำกับธนาคารแห่งประเทศไทย

“ปีนี้นิ่มลิสซิ่งครบรอบ 38 ปี ในวันที่ 19 เม.ย.2566 เพื่อตอบแทนลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ที่ให้การสนับสนุนบริษัทมาโดยตลอด จึงจัดแคมเปญจ่ายดีมีโชค เพื่อมอบโชคแก่ลูกค้า รางวัลใหญ่คือ รถกระบะอีซูซุ และรางวัลอื่นๆ มากมาย รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท”

นิ่มลีสซิ่งแจกใหญ่ฉลอง38ปีขยายสาขาปั้นสินเชื่อ4พันล้านรอเข้าตลาดปี69

 

นิ่มลีสซิ่งแจกใหญ่ฉลอง38ปีขยายสาขาปั้นสินเชื่อ4พันล้านรอเข้าตลาดปี69
 นายไพบูลย์ จันทร์ทบ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิ่มลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมยอดสินเชื่อเติบโตเป็นลำดับ ในปี 2566 จะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และแผนในอนาคตจะบุกสินเชื่อโซลาร์รูฟ และยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์นั่งและประเภทสามล้อ จากเดิมที่มีสินเชื่อรถยนต์กระบะและจักรยานยนต์เป็นหลัก ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย

ส่วนการเปิดสาขาใหม่นั้น เราเชี่ยวชาญตลาดอำเภอรอบนอก จึงตั้งเป้าจะขยายไปยังพื้นที่ที่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่เป็นลูกค้าของเราจริงๆ และจะขยายสู่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง จากนั้นในระยะยาวจะขยายไปทั่วประเทศ และเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2569 และบุกเบิกให้บริการสินเชื่อที่ชาวบ้านทั่วไปไม่ใช้ เช่น สินเชื่อรถตุ๊กๆ ไฟฟ้า ที่อยู่ระหว่างเจรจา หรือรถอีแต๋น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่อุตรดิตถ์-สุโขทัย ควบคู่กับการประเมินความสามารถในการชำระของลูกค้า

นิ่มลีสซิ่งแจกใหญ่ฉลอง38ปีขยายสาขาปั้นสินเชื่อ4พันล้านรอเข้าตลาดปี69

นิ่มลีสซิ่งแจกใหญ่ฉลอง38ปีขยายสาขาปั้นสินเชื่อ4พันล้านรอเข้าตลาดปี69
ด้านนายเมธา ฬ่อสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิ่มลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่าการแข่งขันในธุรกิจลีสซิ่ง ถ้ามองธุรกิจปัจจุบันในเรื่องของการแข่งขันค่อนข้างสูง เมื่อ 10 ปีก่อนผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งมีประมาณ 40 บริษัท แต่ว่าในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 128 บริษัท สาขาจาก 1,000 สาขา เพิ่มเป็นทั้งประเทศกว่า 10,000 สาขา และยอดสินเชื่อจากประมาณ 200,000 กว่าล้านบาท เพิ่มเป็นประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยตลาดยังมีความต้องการอยู่

บริษัทฯมีกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาด นอกจากพัฒนาบุคลากร เพิ่มการบริการต่าง ๆ แล้ว สิ่งสำคัญที่เราทำ 2 ด้าน คือ 1.การเปิดสาขาใหม่ ให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย คือภาคเหนือตอนล่างอีก 4 จังหวัด ประกอบด้วย พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิจิตร 2.การยกระดับเทคโนโลยี โดยแผนปี 2566 นี้ จะมีพันธมิตรมาพัฒนาทั้งแอพพลิเคชัน แพลตฟอร์ม ต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในก.ค.2566 สู่การเป็นบริษัทนิ่มลิสซิ่ง 4.0 นำเทคโนโลยีมาผนวกการจัดการและบริการต่างๆ เป็นอีกช่องทางการให้บริการลูกค้า เพิ่มโอกาสการเข้าถึง รักษาความสามารถการแข่งขัน

“จุดแข็งเราอยู่ที่ชุมชน บริษัทอยู่ในพื้นที่มาถึง 38 ปี มีลูกหลานคนในชุมชนมาทำงานกับเรา และบริษัทมีกิจกรรมร่วมกับชุมชนและลูกค้ามาต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร รถที่นำมาจำนำทะเบียนส่วนใหญ่เป็นรถเก่า เรารับบริการลูกค้าเก่าสุดคือ 30 ปี หรือจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2530 ขณะที่คู่แข่งไม่รับแล้ว แต่ทั้งนี้ตามมูลค่ารถและความสามารถการชำระ สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้เงิน 10,000-30,000 บาท ก็ยังได้อยู่”

ด้านนายกานต์ ฐิติจำเริญพร ที่ปรึกษาบริษัท นิ่มลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า “นิ่มลิสซิ่งเองก็พัฒนาไม่หยุด ตามการเติบโตของธุรกิจไฟแนนซ์ไทย โดยต้องหา S-Curve ใหม่ให้กับธุรกิจ และเติบโตคู่ไปกับพันธมิตร ยอดปล่อยสินเชื่อปีที่แล้ว 3,000 กว่าล้านบาท ปีนี้มั่นใจจะเพิ่มเป็น 4,000 กว่าล้านบาทตามเป้า รวมทั้งการขยายสาขา และการทำ s-curve ใหม่ ในหลายมิติตามนโยบายของบริษัท ในอีก 3 ปีข้างหน้า อาทิ ปรับระบบหลังบ้าน ทำบริษัทให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ปรับรูปแบบการกู้ที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต เคลื่อนไปด้วยกันทั้ง off line และ on line เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึง”

การเติบโตปีนี้เป้าหมายหนึ่งคือ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้ยังเป็นการเริ่มต้นในการปรับองค์กร เพื่อเข้าตลาดในอีก 3 ปี หรือในปี 2569

 

นภาพร ขัติยะ/รายงาน

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,879 วันที่ 16-19 เมษายน พ.ศ.2566