“กรมวิชาการเกษตรเป็นแกนหลักในโครงการริเริ่มคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตรของประเทศ โดยจับมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)หรือ อบก. จัดทำ MOU ร่วมกัน เพื่อพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิต T-VER นำร่องในพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง ทุเรียน และมะม่วง การดำเนินงานและความพยายามนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยและกรมวิชาการเกษตรในการพัฒนาทางด้านการเกษตรอย่างยั่งยืนและการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรกรรม"
นอกจากนี้เพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือของตลาดคาร์บอนเครดิตภาคการเกษตรของประเทศไทย กรมวิชาการเกษตรได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าอบรมหลักสูตรผู้ประเมินภายนอกสำหรับโครงการภาคสมัครใจ (Validation and VerificationBody: VVB) ของ อบก. เพื่อพัฒนาบุคลากรในการรับรองคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้และการเกษตรด้วย
ขณะเดียวกัน กรมวิชาการเกษตรร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พัฒนาโครงการจัดทำ Carbon credit baselineในพืชเศรษฐกิจนำร่อง 6 ชนิด ผ่านการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund, GCF)ซึ่งเป็นกลไกทางการเงินที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในความพยายามที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการพัฒนาเส้นฐานคาร์บอนเครดิตระดับประเทศ (National CarbonCredit Baseline)
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการเกษตรแล้วยังอยากให้สมาชิก ASEAN-CRN ให้ความสนใจกับปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน PM 2.5 หมายถึงฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน2.5ไมโครเมตร ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ภาคเกษตรกรรม
โดยเฉพาะการเตรียมดินสำหรับเพาะปลูกและการเผาซากตอซังพืชมีส่วนสำคัญในการปล่อย PM 2.5 ในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อลดการเกิด PM 2.5 ในภาคการเกษตรประเทศไทยยินดีแบ่งปันประสบการณ์และร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ผ่าน ASEAN-CRN เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่ง ASEAN-CRN สามารถมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อพัฒนาแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ
“งานประชุม สัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นโดยการสนับสนุนของ FAO,Regional Office for Asia and the Pacific(RAP), GIZ และ Mekong Institute (MI) จะเป็นเวทีอันมีค่าสำหรับสมาชิก ASEAN-CRNในการแบ่งปันประสบการณ์ข้อปฏิบัติและความรู้ ด้วยความพยายามร่วมกันของสมาชิก เราสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารเกษตรในอาเซียนไปสู่การปล่อยมลพิษต่ำและความยั่งยืน และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศสมาชิกทั้งหมด” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว