วช. จับมือ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ปลุก ถนนสายไหม ลุยนวัตกรรมเศรษฐกิจ BCG

21 ก.พ. 2566 | 14:13 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2566 | 14:43 น.

วช. จับมือ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ดันถนนสายไหม ชุมชนผ้าไหมทอมือ บ้านสวาย จ.สุรินทร์ หวังยกระดับภูมิปัญญา รุกนวัตกรรมเศรษฐกิจ BCG

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช.ได้ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เพื่อดำเนินงานโครงการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าอัตลักษณ์พื้นถิ่นด้วยภูมิปัญญาและนวัตกรรมบนฐานเศรษฐกิจ BCG

วช. จับมือ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ปลุก ถนนสายไหม ลุยนวัตกรรมเศรษฐกิจ BCG
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนำไปสู่การผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์และขยายผลสู่วงกว้างจากองค์ความรู้และผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ได้รับการพัฒนามาขยายผลต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่ในการผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงรุก ยกระดับภูมิปัญญาและนวัตกรรมบนฐานเศรษฐกิจ BCG ผลักดันพื้นที่ต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจฐานรากชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป 
 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉลอง สุขทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับโครงการวิจัยนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจาก วช. ได้ดำเนินการวิจัยในพื้นที่ตำบลสวายต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว การดำเนินการวิจัยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ เป็นอย่างดี คาดว่าผลการวิจัยจะถูกนำไปถ่ายทอดและใช้ประโยชน์กับชุมชนอื่นๆ ในจังหวัดสุรินทร์ด้วย  
วช. จับมือ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ปลุก ถนนสายไหม ลุยนวัตกรรมเศรษฐกิจ BCG

นายวิโรจน์ กองสนั่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวาย กล่าวว่า ในนามตัวแทนของพี่น้องประชาชนชาวตำบลสวายต้องขอขอบพระคุณทาง วช. และคณะทีมงานอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ที่ได้นำโครงการดี ๆ มาสานต่อความเป็นพื้นถิ่นด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวสวายเพื่อผลักดันให้เกิดความโดดเด่นทางด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงชุมชน 
 

นอกจากนี้ประชาชนได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพเพิ่มรายได้ระดับครัวเรือน อบต.สวายและประชาชนตำบลสวายมีความตั้งมั่นและยินดีที่จะสานต่อโครงการนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์กับประชาชนในพื้นที่และจะร่วมมือกันยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในตำบลสวายให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและเป็นแนวหน้าเมืองแห่งการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ต่อไป 


 
ดร.ศิวาพร พยัคฆนันท์ หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า ชาวบ้านในชุมชนสวาย ประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยมีภูมิปัญญาที่สืบทอดจนเป็นกิจกรรมที่อยู่ในวิถีชุมชน และมีวิถีการทอผ้าไหมทอมือกี่โบราณ มีจำนวนครัวเรือนกว่า 1,500 ครัวเรือนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทอผ้าไหม

  วช. จับมือ ม.ราชภัฏสุรินทร์ ปลุก ถนนสายไหม ลุยนวัตกรรมเศรษฐกิจ BCG

ส่วนผลงานเอกลักษณ์ของชุมชนคือ ผ้าไหมมัดหมี่ทอยกดอก 6 ตะกอ ซึ่งเกิดจากความบรรจงในการมัดหมี่เป็นผ้าหลายร้อยลวดลายรวมกับเทคนิคการยกดอกและเพิ่มความประณีตด้วยการเก็บริมผ้า ทำให้ผ้าไหมชุมชนสวายเป็นผ้าไหมที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก โดดเด่นด้านความสวยงามและคุณภาพจากวิถีวัฒนธรรมช่างทอได้พัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

 

อย่างไรก็ตามการจัดการท่องเที่ยวโดยเครือข่ายช่างทอ ผ่านโครงการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าอัตลักษณ์พื้นถิ่นด้วยภูมิปัญญาและนวัตกรรมบนฐานเศรษฐกิจ BCG ที่ วช. ให้การสนับสนุน ได้ช่วยขับเคลื่อนและยกระดับภูมิปัญญาของท้องถิ่นและนวัตกรรมบนฐานเศรษฐกิจ BCG สามารถผลักดันพื้นที่ต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจฐานรากชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน