ราคาทองรับปีใหม่ทะลุบาทละ 3 หมื่น ม.ค.คาดยังขาขึ้น

29 ธ.ค. 2565 | 15:22 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2565 | 22:34 น.
1.3 k

บทความจาก : บริษัท อินเตอร์โกลด์ Christmas Effect ของขวัญจากซานต้าปีนี้ ส่งทองคำกลับไปที่ 30,000 บาท ได้หรือไม่?

ในที่สุดเราก็เดินทางกันมาถึงช่วงสิ้นปีกันแล้ว ก่อนอื่นต้องบอกว่าตลาดการลงทุนทองคำปีนี้โดยเฉพาะช่วงต้นปีโดยรวมแล้วก็มีแรงหนุนจากหลาย ๆ ปัจจัย ที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงมาก ทั้งเรื่องดอกเบี้ย เงินเฟ้อ สงคราม การเมือง เศรษฐกิจ แต่อาจจะดูซบเซาลงหน่อยในช่วงปลายปี นักลงทุนหลาย ๆ ท่านอาจจะมีติดดอยกันไว้ตั้งแต่ต้นปี จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถลงจากดอยได้

 

วันนี้จึงอยากพานักลงทุน และผู้ที่ชื่นชอบซื้อ-ขายทองคำมารู้จักกับ ทฤษฏี Christmas Effect ซึ่งอาจจะเป็นของขวัญส่งท้ายปีจากลุงซานต้าที่ทำให้เพื่อน ๆ สามารถลงจากดอยกันได้ เพราะช่วงคริสต์มาส จากสถิติสินทรัพย์ต่าง ๆ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ลองมาดูในตลาดทองคำกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่

ทั้งนี้ได้นำสถิติย้อนหลัง 10 ปี ราคาทองคำในช่วงสิ้นปีมาเปรียบเทียบว่าในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี ตั้งแต่ช่วงวันที่ 20-31 ธันวาคมนั้น ทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหรือไม่

 

ผลปรากฏออกมาว่า ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปี 2021 มากถึง 8 ใน 10 ปี ที่ทองปรับตัวขึ้น และขึ้นโดยเฉลี่ยในช่วงวันที่ 20-31 ธันวาคม อยู่ที่ 1.35% เลยทีเดียว ซึ่งหากตามสถิติที่กล่าวมา ช่วงที่น่าเข้าซื้อสะสมทองคำมากที่สุดก็คือตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม เป็นต้นไป เพราะมีโอกาสที่อาจจะได้ราคาที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ไปจนถึงกลางถึงปลายเดือนมกราคมเลยทีเดียว

 

กราฟอ้างอิงสถิติราคาทองคำช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีย้อนหลัง

โดยสาเหตุที่ทำให้เกิด Christmas Effect  ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมานั้นแบ่งออกได้หลัก ๆ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

 

 1.เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีโดยส่วนมากตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ หรือนโยบายการเงิน ก็มักจะสรุปเสร็จกันหมดตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมแล้ว เลยทำให้ช่วงปลายเดือนเป็นช่วงที่ตลาดมีความชัดเจนระดับนึง จึงมีส่วนทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเทรนด์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ไม่ยาก

 

2.ช่วงก่อนจบปีเป็นช่วงที่กองทุนรายกองทยอยปิดงบ จึงทำให้ Volume ในตลาดก่อนหยุดยาวค่อนข้างน้อย ระหว่างนี้หากมี Volume ฝั่งไหนโหมมาสักฝั่งนึงก็เกิดเทรนด์ได้ไม่ยากเช่นกัน

 

3.การเก็งกำไรของคนในช่วงเดือนมกราคม จากข้อ 1 หากข่าวต่าง ๆ ออกมาครบแล้ว นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรบางกลุ่มก็มักจะหาจุดเข้าซื้อช่วงปลายปี เพื่อหวัง January effect (ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงเดือนมกราคม) เพราะช่วงปลายปีราคาจะค่อนข้างสงบเสงี่ยม หรือถ้าโชคดีได้เทรนด์จริงต้นทุนก็อาจจะดีกว่าไปซื้อในช่วงต้นถึงกลางเดือนมกราคมนั่นเอง

 

โดยเฉพาะในปีนี้ก็ยิ่งมีปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้ Christmas Effect มีโอกาสเกิดได้มากขึ้นเข้าไปอีก เพราะ

 

 1.กราฟเทคนิคในภาพใหญ่รายเดือนยังคงเป็นสัญญาณเชิงบวกอยู่ นั่นหมายความว่าเดือนธันวาคมการที่จะเจอกับขาลงใหญ่ ๆ ของราคาทองคำอาจเป็นไปได้ยากแล้ว อย่างมากก็อาจจะแค่พักตัวกรอบแคบ แล้วรอเลือกทางอีกทีในเดือนมกราคม

 

2.ปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างเฉลยมาพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรอบของดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ปี 2023 ที่จะคงระดับอยู่ที่ 5.00-5.50% พร้อมกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023 ที่หลายสำนักหรือแม้แต่การคาดการณ์ของตัวธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เอง ก็มีประเมินไว้อยู่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ในกรณีที่ราคาทองได้รับข่าวพวกนี้ในเดือนธันวาคมมาหมดแล้ว เราอาจจะได้เห็นการปรับตัวขึ้นต่อได้ในต้นปีหน้า
 

อินเตอร์โกลด์จึงขอช่วยวางแผนกลยุทธ์ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยว่ากันด้วยเรื่องกรอบของราคาทองคำที่เหมือนจะทำกรอบอยู่บริเวณ 1775 - 1800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือถ้าเป็นราคาไทยก็อยู่ที่บริเวณ 29,350 - 29,600 ต่อบาททอง

 

หากมองว่าทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ บริเวณ 29,350 - 29,500 ก็สามารถทยอยเก็บสะสมได้ ส่วนจุดทำกำไรนั้นมีระยะสั้นที่ 1820 (29,800) และระยะกลางมองไว้บริเวณ 1875-1900 (30,350 - 30,600) และเมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือ 1800 หรือ 29,600 ได้ ก็สามารถเข้าซื้อตามได้เลยครับ

 

 อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง 96.5% วันที่ 29 ธันวาคม 2565 ณ เวลา 11.21 น.(ครั้งที่ 2) ขายออกบาทละ 29,650 บาท รับซื้อบาทละ 29,550 บาท และทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 30,150 บาท