คอนเสิร์ต-Music Fes. ฮอต ศิลปินไทย-เทศ ไลน์อัพยาวข้ามปี

24 ธ.ค. 2565 | 05:20 น.

สุดเดือด! ศิลปินไทย-เทศ สุดอั้นตบเท้าจัด “คอนเสิร์ต- Music Festival” ยาวข้ามปี หลังแตะเบรกจากพิษโควิด2 ปีเต็ม จับตาปี 66 ไลน์อัพแน่น ดันไทยแลนด์มาร์กความบันเทิง ลุ้นคอนเสิร์ตร่วมครั้งประวัติศาสตร์ “RS-GMM” ใกล้เป็นจริง

กระแสตอบรับล้นหลาม สำหรับคอนเสิร์ต และเทศกาลดนตรี หรือ Music Festival ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เรียกว่าเปิดปุ๊ป Sold out ปั๊บ ทำให้เพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือนกับคอนเสิร์ตหรือเทศกาลดนตรีมาสเตอร์พีชสักชิ้น ก็ทำให้ผู้จัดหลายรายลืมตาอ้าปากได้ หลังจากวิกฤตโควิดทำธุรกิจบันเทิงช็อคไประยะหนึ่ง

 

ไม่เพียงเท่านั้น โปรแกรมคอนเสิร์ตและ Music Fes. ยังอัดแน่นยิงยาวข้ามปี ทั้งจากศิลปินไทย เอเชีย รวมถึงซีกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น BLACKPINK WORLD TOUR, LEE JAE WOOK ASIA TOUR FAN MEETING IN BANGKOK, Westlife The Wild Dreams Tour in Bangkok, Rolling Loud Thailand 2023 เป็นต้น

 

นายปริญญ์ หมื่นสุกแสง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจวิทยุ คูลลิซึ่ม บริษัทในเครืออาร์เอส กรุ๊ป เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่บรรยากาศคอนเสิร์ตและMusic Festival ถูกโควิดช็อตไปกว่า 2 ปี ปีนี้จะเป็นปีแรกที่เริ่มมีการจัดคอนเสิร์ตตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา โดยอาร์เอส มีการจัดคอนเสิร์ตงานแรกคือ Kamikaze Party 2022 เมื่อเดือนตุลาคมและในช่วงปลายปีจะมีการจัดงาน RS Meeting 2022

คอนเสิร์ต-Music Fes. ฮอต ศิลปินไทย-เทศ ไลน์อัพยาวข้ามปี

ในส่วนของคอนเสิร์ตทั้ง 2 งาน ได้รับการตอบรับล้นหลามสามารถขายบัตรหมดภายใน 30 นาที ถือว่าได้รับ feedback ที่ดีจากบรรดาผู้ชมและแฟนคลับ “กามิกาเซ่” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนอัดอั้นจากโควิดมาตลอด 2 ปี แม้จะมีการจัดคอนเสิรตผ่านวิชวลไลฟ์แต่อรรถรสในการดูคอนเสิร์ตออนไลน์ ไม่สามารถทดแทนบรรยากาศในการไปดูในฮอลล์จริงๆ อีกประการหนึ่ง “คูลไลฟ์” เน้นคอนเสิร์ต Rare Item หาดูยากเช่นการมีศิลปิน กามิกาเซ่ ครบ 23 ชีวิตบนเวทีคอนเสิร์ตเดียวกัน และเป็นศิลปินที่อยู่ในกรุ๊ปเดียวกันมี Target Group คนดูเป็นวัยเดียวกัน เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

 

ทั้งนี้การจัดงานคอนเสิร์ตแต่ละงานสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จำนวนมาก อาร์เอส มีแผนจัดงาน Music Festival อีกกว่า 4 งาน แบ่งเป็นการจัดงานในต่างจังหวัด 3 งาน ในกรุงเทพฯ 1 งาน และ Concert Hall ในกรุงเทพฯอีก 4 งาน ในการจัดงานแต่ละครั้งโดยเฉพาะในต่างจังหวัดเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน เนื่องจากฐานคนฟังเพลงของ COOL Fahrenheit อยู่ในกรุงเทพฯ การไปจัดต่างจังหวัดเท่ากับชวนคนไปต่างจังหวัด มีการเดินทาง มีการรับประทานอาหาร การจับจ่ายใช้สอย จองโรงแรมที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวในละแวกนั้น

คอนเสิร์ต-Music Fes. ฮอต ศิลปินไทย-เทศ ไลน์อัพยาวข้ามปี

สำหรับปี 2566 ภาพรวมการจัดงานคอนเสิร์ตและ Music Festival จะยิ่งคึกคัก ทุกค่ายจะงัดไลน์อัพออกมาจัดเต็มที่ คนดูจะได้รับประโยชน์มากที่สุดเพราะจะมีแคตตาล็อกงานคอนเสิร์ตและ Music Festival มาให้เลือกดูได้เต็มที่ตั้งแต่ต้นปี แต่ในทางกลับกันเป็นการบ้านหนักของคนทำงานที่จะสร้างความ creative ของแต่ละงานให้มีความแตกต่าง โดดเด่นและติดตาต้องใจเรียกสายตาคนดูให้มาสนใจในงานของตัวเองได้เพราะฉะนั้นในปีหน้าจะมีการแข่งขันกันสูงมาก

           

“งานอีเวนต์เป็นเครื่องมือหนึ่งในการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเฉพาะงานอีเวนต์ประเภทบันเทิง 100% ก็ยิ่งได้เต็มที่ สำหรับปีหน้าภาพรวมเฉพาะของอาร์เอสเองมีการไลน์อัพงานคอนเสิร์ตมากกว่าปี 2562 แบ่งเป็น 4 Music Festival และ4 คอนเสิร์ต ส่วนคอนเสิร์ตร่วมกันระหว่าง RS และ GMM ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ณ วันนี้อยู่ที่ว่าความพร้อมจะลงตัวกันตอนไหน แต่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีอีกโอกาสหนึ่งนอกจากคนดูที่รอคอย ฝั่งของคนทำงานก็อยากทำงานร่วมกัน ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นความฝันที่เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงขึ้นมาแล้ว”

 

ด้านนายยุทธนา บุญอ้อม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยงานโชว์บิซ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวบนเวที iCreator ว่า ปี 2565 เริ่มมีการกลับมาจัดงานคอนเสิร์ตอีกครั้งโดยคอนเสิร์ตไทยครองเม็ดเงินมูลค่า 1,498 ล้านบาท ส่วนเอเชีย (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น) มีมูลค่าราว 1,228 ล้านบาท และอินเตอร์เนชั่นแนลหรือตะวันตก มีมูลค่าราว 1,060 ล้านบาท

           

ขณะที่เทศกาลดนตรีหรือ “มิวสิค เฟสติวัล” กลายเป็นเทรนด์ที่เติบโต โดย GMM Grammy ได้นำ “บิ๊กเมาท์เท่น” (Big Mountain Music Festival) กลับมาจัดอีกครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีสามารถขายบัตร 9 หมื่นใบ หมดในเวลา 9 ชั่วโมง ในแง่ของมูลค่าทางเศรษฐกิจคาดว่าในการไปดูมิวสิค เฟสติวัลแต่ละครั้งคนดู 1 คนจะใช้เม็ดเงินราว 5,000 บาท เป็นทั้งค่าเดินทาง ที่พัก รับประทานอาหาร และท่องเที่ยวในพื้นที่

 

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH กล่าวว่า บรรยากาศของ Music Festival ปลายปีนี้จะคึกคักมากที่สุดหลังจากอั้นกันมานาน 2 ปี ซึ่งปีนี้ TVDH ได้ร่วมลงทุนกับ Retox Sessions สัดส่วน 50:50 มูลค่าเงินทุน 90 ล้านบาท เพื่อดึง “808 Festival” กลับมาจัดอีกครั้งหลังจากหยุดไปเมื่อปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด

คอนเสิร์ต-Music Fes. ฮอต ศิลปินไทย-เทศ ไลน์อัพยาวข้ามปี            

“ตอนนี้เริ่มมีคนมาทำ Festival มากขึ้น รวมทั้ง EDM Music Festival แต่การจะกำไรได้ไหมจะต้องดูเทคนิคการบริหารและค่าตัวของดีเจที่นำมา ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะทำ festival ที่เป็น Music Festivalจริงๆได้ ที่สำคัญ EDM เป็นเทรนด์ที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากศักยภาพของคนฟัง EDM ที่ตอนนี้มีมากกว่าหลักแสนคนและเป็นหลักแสนคนที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นกลุ่ม Millennium ที่เราสามารถจับจองและสร้างการเติบโตได้ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อด้วยและมีการเติบโตของผู้ฟังอย่างน้อย 10%ในทุกปี”

 

อย่างไรก็ตามการจัดงาน EDM Music Festival ที่เหมาะสมที่สุดคือการจัดแบบ Indoor เพราะถ้าจัด Outdoor จะมีเสียงที่รบกวนชาวบ้านหรือเดินทางยาก หากไกลเกินไป สำหรับงาน ‘808 Festival’ คาดว่าจะสามารถผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างน้อย 10 -15 % ไม่รวมเม็ดเงินจากสปอนเซอร์ที่จะเพิ่มเข้ามา และในปี 2566 มีไลน์อัพอีกประมาณ 4 โปรเจ็กต์

 

“ในแง่ของเศรษฐกิจการท่องเที่ยว การจัด Music Festival จะกลายเป็น Eventmark ที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้มหาศาล เช่นงาน ‘808 Festival’ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 1.9 หมื่นคน มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาร่วมงาน 30% หรือราว 4,000- 5,000 คนสำหรับสเกลงาน 2 หมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้จองตั๋วปกติแต่จะจองตั๋ว VIP มีราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

 

นอกจากค่าตั๋วที่ต้องจ่าย เชื่อว่าจะมีการใช้จ่ายอื่นระหว่างร่วมกิจกรรมเช่น โรงแรม 3-4 คืน การท่องเที่ยวในกรุงเทพฯและปริมณฑล ดังนั้นก็จะมีการใช้จ่ายหลัก 100 ล้านบาทที่จะเกิดขึ้นกับ Music Festival 1 งาน”