ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรับตัวสูงสุดในรอบ10เดือน

10 พ.ย. 2565 | 13:20 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2565 | 20:24 น.

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรับตัวสูงสุดในรอบ10เดือน   ม.หอการค้าฯชี้ภาพเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่องโดยและเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดสถานการณ์ โควิด-19 ขณะที่ความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและประชาชนที่มีต่อเศรษฐกิจ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนและดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน ตุลาคม 2565 เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ

โดยประชาชนมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ทำให้ธุรกิจเริ่มเปิดดำเนินการได้เป็นปกติ การผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก

เช่นเดียวกับภาคธุรกิจที่มีความมั่นใจต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจาก รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศ , การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำส่งผลให้ภาคแรงงานมีอำนาจซื้อมากขึ้น, นักท่องเที่ยวและตัวเลขการส่งออกยังขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ประชาชน และภาคธุรกิจ ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ,ปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย   

 

แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.3 ถึง 3.5% ส่วนปี 2566 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.5 ถึง 4% ซึ่งจะเป็นระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาวะปกติก่อนช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองยังมีไม่สูงแม้ว่าจะมีการส่งสัญญาณชัดเจนถึงความชัดเจนช่วงหลังการประชุมเอเปค ก็ตาม โดยรัฐบาลยังจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่าย เพื่อช่วยกระตุ้นภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องจนถึงต้นปีหน้า