วันที่ 4 ก.ย. 2565 ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายพิพัฒน์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นำทีมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชุมร่วมกับเอกชนภาคท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ทั้งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิง สมาคมมัคคุเทศก์ ผู้บริหารภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยว ที่ปรึกษารัฐมนตรีพิพัฒน์ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดภาคเหนือและเชียงใหม่
นายพิพัฒน์ยํ้าความมั่นใจ ถึงเป้าหมายฟื้นการท่องเที่ยวของกระทรวงฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลาย และมีจำนวนห้องพักที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 26,800 ห้อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวอาจมาไม่ถึง แต่รายได้จะพยายามให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ดังนั้น การที่จะมีนักท่องเที่ยวน้อยลงแต่สร้างรายได้มากขึ้น จึงต้องหากิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าเชียงใหม่ แล้วให้เขาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หรือเพิ่มวันพักแรมให้ยาวขึ้น
การมาพบปะครั้งนี้ เพื่อมาหารือร่วมกับผู้ประกอบการและสมาคมต่างๆ ที่ต้องเตรียมความพร้อมรับการฟื้นท่องเที่ยว หลังจากโควิด-19 เริ่มลดน้อยถอยลง และในวันที่ 1 ต.ค. 2565 กระทรวงสาธารณสุขของไทย จะประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคเฝ้าระวัง ถือว่า ทุกอย่างเดินหน้าด้วยดี เชื่อว่าในไม่ช้าจะเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป
นายพิพัฒน์กล่าวให้ความเชื่อมั่นอีกว่า กระทรวงฯพร้อมร่วมผลักดันกับผู้ประกอบการ เดินหน้าไปพร้อมกัน เพื่อให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ใกล้จะมาถึงนี้
“ผมมั่นใจว่า เมื่อการท่องเที่ยวกลับเข้ามาอีกครั้งในปี 2565 ปีหน้าก็พยายามจะบูมทั้งประเทศอย่างแน่นอน” นายพิพัฒน์ กล่าวยํ้า
โอกาสฟื้นการท่องเที่ยวของภาคเหนือในช่วงที่เหลือของปีนี้นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคเหนือชี้ว่า ช่วงไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ที่ผ่านมานั้น การท่องเที่ยวภาคเหนือฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากพึ่งพิงนักท่องเที่ยไทยเป็นหลัก และทำให้เศรษฐกิจภาคเหนือปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มมีความมั่นใจเดินทางเข้ามาภาคเหนือมากขึ้น สะท้อนจากการเดินทางทางอากาศ และทางรถยนต์ผ่านเส้นทางหลักที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์และมาเลเซียซึ่งสอดคล้องกับเส้นทางบินตรงจากต่างประเทศมายังภาคเหนือ ทำให้อัตราเข้าพักดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธปท.สำนักงานภาคเหนือ รายงานด้วยว่า ยอดคนเดินทางเข้าภาคเหนือปรับเพิ่มสูงขึ้น และยอดจองห้องพักขยับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 53% แล้ว จากปกติที่อัตราเข้าพักภาคเหนือเฉลี่ยอยู่ที่ 60% เนื่องจากมีห้องพักส่วนเกินเยอะ จึงถือว่าใกล้เคียงปกติ แต่การจ้างงานภาคท่องเที่ยวยังไม่ดีขึ้นตาม เพราะค่าใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวลดลง และผู้ประกอบการยังลดราคาเพื่อดึงคน ถ้ามั่นใจอนาคตการจ้างงานภาคท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ตัวเลขน่าจะดีขึ้น
การท่องเที่ยวเคยสร้างรายได้ให้ภาคเหนือที่ 1.95 แสนล้านบาท ในปี 2562 ก่อนโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย 1.39 แสนล้านบาท (72%) ที่เหลือ 5.57 หมื่นล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในปีนี้ (2565) ที่กระทรวงท่องเที่ยวฯตั้งเป้าจะฟื้นรายได้การท่องเที่ยว กลับมาที่ครึ่งหนึ่งของปี 2562 นั้น ธปท. สำนักงานภาคเหนือ ประเมินว่า รายได้การท่องเที่ยวภาคเหนือจะกลับมาได้ที่ 65% (1.27 แสนล้านบาท) โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักที่ 1.18 แสนล้านบาท หรือ 85% ของปี 2562 ขณะที่รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังฟื้นเพียง 15% ที่เพียง 8.3 พันล้านบาท
นี่คือโอกาสของธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือ ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักเกือบ 3 ใน 4 เมื่อเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมระบาดเชื้อโควิด-19 คนไทยในภาคส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมโควิด-19 ที่ไม่ได้ออกไปไหนมาสองปีกว่า พอเริ่มเปิดช่องให้เดินทางก็พร้อมออกท่องเที่ยว ทันทีจากที่อั้นมานาน ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแม้ยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะ ทั้งรอฤดูกาล หรือดูสถานการณ์ความขัดแย้งโลก ผลกระทบเศรษฐกิจ ก่อนจะตัดสินใจเดินทาง
การท่องเที่ยวของคนไทยจึงช่วยหนุนการฟื้นเศรษฐกิจภาคเหนือได้ก่อน
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,817 วันที่ 11-14 กันยายน พ.ศ.2565